วันนี้ (9 มี.ค.2565) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เกาหลีใต้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี คนที่ 20 ของประเทศ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ถูกจับตามอง เพราะเกิดขึ้นท่ามกลางหลายปัญหาที่รุมเร้าเกาหลีใต้ ทั้งเศรษฐกิจ พิษโควิด-19 และเรื่องความมั่นคง
ขณะที่ชาวเกาหลีใต้ตื่นตัวออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าแล้วกว่า 37% ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 44 ล้านคน เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้ลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีถึง 14 คน แต่คนที่ดูมีภาษีมากที่สุด คือ ลี แจ-มยอง จากพรรค Democratic พรรครัฐบาลของมูน แจ-อิน ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน เป็นพรรคหัวก้าวหน้า ซึ่งลี แจ-มยอง เคยเป็นทนายสิทธิมนุษยชน ก่อนที่จะได้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด มีผลงานเรื่องการขยายสวัสดิการของรัฐเพื่อกลุ่มคนอายุน้อยที่ว่างงาน
ลี แจ-มยอง จากพรรค Democratic
ส่วนอีกหนึ่งคน คือ ยูน ซุค-ยอล จากพรรค People Power เป็นขั้วฝ่ายค้านในรัฐบาลปัจจุบัน มีจุดยืนอนุรักษ์นิยม ซึ่งเขาเคยเป็นอัยการที่ทำคดีทุจริตต่างๆ และมีส่วนในการสอบสวนคดีจนนำอดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้เข้าคุกถึง 2 คน หนึ่งในนั้นคือ ปาร์ค กึน-เฮ รวมทั้งทายาทบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างซัมซุง
การแข่งขันครั้งนี้สูสีจนอาจเรียกได้ว่าสร้างความแตกแยกในสังคมเกาหลีใต้ และกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้ามามีบทบาทสำคัญ จนทำให้ผู้สมัครต้องเปลี่ยนแนวทางการหาเสียงออกจากกรอบเดิมๆ มาใช้สื่อสังคมออนไลน์ เพื่อเรียกกระแสและสร้างการจดจำ ทิ้งภาพลักษณ์ของนักการเมืองรุ่นเก่า หันหน้าเข้าหาคนรุ่นใหม่แทน
ตัวอย่างของความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน คือ ลี แจ-มยอง ที่ลงทุนแต่งตัวทำคลิปหาเสียงออนไลน์นับไม่ถ้วน โดยนโยบายที่เป็นที่จดจำของลี คือการเสนอให้การรักษาผมร่วงครอบคลุมอยู่ในระบบประกันสุขภาพของรัฐด้วย ซึ่งได้รับเสียงสนับสนุนและถูกวิจารณ์อย่างหนัก
ยูน ซุค-ยอล จากพรรค People Power
ส่วนนโยบายเรื่องหนักๆ ที่โลกจับตามอง หนีไม่พ้นความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ ซึ่งลี แจ-มยอง สืบทอดนโยบายจากมูน แจ-อิน ผู้นำคนปัจจุบัน จะสานต่อวิถีทางการทูต สร้างความสัมพันธ์อันดีและปรองดองกับเกาหลีเหนือ เพื่อสันติภาพในภูมิภาค ขณะที่ยูน ซุค-ยอล ประกาศหนุนใช้มาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือและต้องการให้กองทัพเกาหลีใต้กลับมาเปิดการซ้อมรบร่วมกับทัพสหรัฐฯ อีกครั้ง เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง
ขณะที่อีกปัญหาที่ได้รับความสนใจ คือราคาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีราคาแพงจนคนรุ่นใหม่ไม่สามารถครอบครองได้อีกต่อไป หากเทียบกับ 5 ปีที่แล้ว ราคาเฉลี่ยของอะพาร์ตเมนต์ทั่วไป 1 ห้องในกรุงโซล เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า ภายใต้การบริหารประเทศของประธานาธิบดีมูน แจ-อิน ราคาอะพาร์ตเมนต์ในปัจจุบันหากเทียบตามอัตราส่วนรายได้ของประชากร ถือว่าแพงกว่านิวยอร์ก โตเกียว และสิงคโปร์
ผู้เชี่ยวชาญบางคนมองว่า ผลงานของมูน แจ-อิน ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการสานสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ พร้อมกับสหรัฐฯ ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา จะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง นอกจากนี้โควิด-19 ยังเป็นประเด็นท้าทายว่าที่ผู้นำประเทศคนใหม่ด้วย
อ่านข่าวอื่นๆ
พาณิชย์ถอดรหัสความสำเร็จ Soft Power เกาหลีใต้
น้ำใจทั่วโลก! จองที่พักหนุน "ยูเครน" จ่ายเงิน แต่ไม่เข้าพัก