วันนี้ (14 มี.ค.2565 )ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร ตัวแทนผู้เสียหายทั้งชาวไทยและต่างชาติ กว่า 20 คน นำเอกสารหลักฐานยื่นต่อ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองบริหารคดีพิเศษ และรองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอให้เร่งตรวจสอบการชักชวนลงทุนซื้อคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ที่ ต.สันผักหวาน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ และ จ.กระบี่
ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า พบการโฆษณาขายคอนโดมิเนียมดังกล่าวตามห้างสรรพสินค้าและทางสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เริ่มซื้อตั้งแต่ปี 2556-2562 โดยโฆษณาขายว่าซื้อเสร็จสามารถขายคืนให้กับทางโครงการได้ และโฆษณาว่าซื้อไว้เพื่อการลงทุน ปล่อยเช่า โดยทางโครงการจะเป็นผู้หาลูกค้ามาพักในรูปแบบกรุ๊ปทัวร์ และให้ทำสัญญาเช่ากับทางโครงการ 10-20ปี ทางโครงการจะเป็นคนดูแลและโอนเงินค่าเช่าให้กับเจ้าของหรือลูกค้าที่เป็นเจ้าของห้องชุด
คอนโดมิเนียมดังกล่าว มีทั้งหมด 18 โครงการ โดยโครงการที่ 1-9 มีการสร้างจริงและให้ผลกำไรจริงในช่วงแรก ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นและชักชวนบอกต่อ บางคนซื้อ 1 ห้อง เป็นเงินกว่า 3 ล้านบาท บางคนซื้อหลายห้อง จ่ายเงินสูงสุดถึง 75 ล้านบาท
ต่อมายังมีการโฆษณาขายโครงการที่ 10-18 มีผู้เสียหายสนใจซื้อและจ่ายเงินไปหมดแล้ว แต่มาทราบภายหลังว่า โครงการสร้างไม่แล้วเสร็จ และบางโครงการเห็นเพียงที่ดินว่างเปล่าและยังไม่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทแต่อย่างใด และทางโครงการเริ่มไม่จ่ายผลกำไรมาตั้งแต่ปลายปี 2562 อ้างถึงสถานการณ์ COVID-19 และขณะนี้ยังบ่ายเบี่ยงที่จะรับผิดชอบ ผู้เสียหายจึงต้องการให้ดีเอสไอตรวจสอบว่าเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน หรือฟอกเงิน หรือเป็นแชร์ลูกโซ่หรือไม่
ด้านรองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า เรื่องนี้เคยมีผู้เสียหายบางคนมาร้องเรียนไว้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบของศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา ส่วนการรับเรื่องในวันนี้จะได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานให้ฝ่ายดังกล่าวนำไปเป็นข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยขณะนี้ตั้งข้อสังเกตุไว้เป็น 2 ประเด็นว่า เป็นเรื่องของการทำธุรกิจแล้วล้มเหลว หรือเป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือไม่