วันนี้ (21 มี.ค.2565) นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความในคดีการเสียชีวิตของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ (แตงโม) เปิดเผยความคืบหน้าทางคดีว่า ตำรวจชุดทำงานได้รวบรวมพยานหลักฐานใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้วเท่าที่ได้รับรายงานเมื่อเช้าก็เหลืออีกไม่กี่รายการ
แต่ขออนุญาตไม่ระบุจำนวน
อย่างในวันนี้ ซึ่งก็มีการประชุมความคืบหน้าคดี คาดว่า อีก 1 - 2 วัน คาดว่าจะเรียบร้อยอย่างช้าสุดไม่น่าจะเกินสิ้นเดือนก็น่าจะสรุปความเห็นทางคดีได้
นายเดชายังระบุว่า ขอให้มั่นใจการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะส่วนตัวที่เป็นทนายความในคดีนี้ ได้ฟังรายงานและได้รับแจ้งความคืบหน้าทางคดีทุกวัน
ขณะที่ในเรื่องของข้อหาการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยหลักทฤษฎีทางกฎหมาย คือ การกระทำที่สัมพันธ์ต่อความตายที่เกิดจากการกระทำ ซึ่ง คือความประมาท โดยตำรวจมีพยานหลักฐานที่จะชี้พฤติการณ์ประมาทเอาไว้ชัดอยู่แล้ว ส่วนหลักฐาน การวิเคราะห์พิสูจน์จุดตกเรือ ตำรวจก็ทราบชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งพิจารณาจาก GPS ของเรือลำที่เกิดเหตุไปจนถึงกล้องวงจรปิดและพยานแวดล้อมทุกอย่างประกอบกัน
ส่วนการสอบสวนจนถึงขณะนี้พยานหลักฐานที่มีอยู่ ณ วันนี้ เวลานี้ ที่ให้สัมภาษณ์อยู่ ยังเป็นการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่หลังให้สัมภาษณ์เสร็จก็อาจจะมีข้อหาอื่นเพิ่มเติมก็ได้ เพราะยังอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ตรวจสอบอย่างละเอียด แต่ยืนยันว่า สังคมจะไม่ผิดหวังส่วนพยานอีก 3 คน ที่เหลือ ก็อาจจะกลายสถานะเป็นผู้ต้องหาได้เช่นกัน ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งหมด หากพยานหลักฐานเพียงพอ
นายเดชา ยังเปิดเผยถึง กรณีมีผู้ไม่ยินยอมให้ตรวจเลือดและปัสสาวะ คือ วิศาพัช มโนมัยรัตน์ (แซน) ซึ่งในกรณีนี้พนักงานสอบสวนจะขอตรวจก็ต่อเมื่อมีเหตุต้องสงสัย แม้การไม่ยินยอมเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ แต่ก็จะเป็นข้อเสียเปรียบเพราะถือว่าปฏิเสธการยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง
พร้อมขอให้สังคมเข้าใจการทำงานของตำรวจ ซึ่งการจะแจ้งข้อกล่าวหาต้องมีพยานหลักฐานพอสมควรให้กล่าวหาได้ รวมถึงการจะแจ้งข้อกล่าวหาเกินพยานหลักฐานที่มีก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน
นอกจากนี้นายเดชา ยังได้ระบุถึงฝ่ายผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ด้วยว่าทราบข้อมูลมาว่า ขณะนี้ผู้ต้องหาอยู่ระหว่างปรึกษาทนายคนใหม่ซึ่งเป็นผู้มีชื่อเสียงและคาดจะว่าจ้างแทนชุดปัจจุบัน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การเปลี่ยนทนายความก็บ่งบอกได้ว่าไม่มีความมั่นใจในการสู้คดีของทนาย หรือ อาจมีทิศทางว่าอาจจะหรือแพ้คดี นั่นเอง
ขณะเดียวกัน รศ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญนิติเวชศาสตร์ มศว.เปิดเผยว่า การชันสูตรเพิ่มเติมในส่วนของการตรวจนัยน์ตา หรือ ตรวจวุ้นนัยน์ตาเป็นการตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์ที่ตกค้างในร่างกายและได้ผลแม่นยำ แต่ไม่สามารถบอกถึงพฤติการณ์การทำให้เสียชีวิตได้ โดยเรื่องนี้จะเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนที่จะเป็นผู้พิสูจน์พิจารณาตามพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ทั้งหมดประกอบกัน
ส่วนประเด็นลิ่มเลือดที่บาดแผลขนาดใหญ่บนต้นขาขวานั้น ยืนยันว่า จากการสอบถามพูดคุยกับ พญ.พรทิพย์ โรจนสุนัท์ เป็นการส่วนตัว พญ.พรทิพย์ ไม่เคยกล่าวว่า พบลิ่มเลือดในบาดแผลที่ต้นขาขวาของ น.ส.นิดา
ส่วนข้อมูลทางวิชาการการที่บาดแผลจะเกิดลิ่มเลือด หรือ ก้อนเลือดจะเกิดขึ้นโดยกลไกของร่างกาย คือจะมีการแข็งตัวหรือเกิดก้อนเลือดลิ่มเลือดขึ้นใน 10 - 14 วินาที แต่หากบาดแผลเกิดขึ้นในน้ำจะไม่เกิดก้อนเลือดเนื่องจากว่าน้ำจะรบกวนการจับตัวของเลือดให้เป็นก้อน ดังนั้นกรณีแบบนี้ก็พอจะอนุมานได้ว่าบาดแผลเกิดขึ้นเมื่อใด
ส่วนบาดแผลจะเกิดขึ้นบนเรือหรือไม่ก่อนหน้านี้ข้อมูลจากทนายความเดชาก็ระบุเอาไว้ว่า การตรวจเรือไม่พบคราบเลือดบนเรือจึงสันนิษฐานได้ว่า บาดแผลเกิดขึ้นในน้ำหรือเกิดขึ้นหลังจากตกเรือไปแล้ว