"อนุทิน" เบรกสงกรานต์ข้าวสารงดสาดน้ำ ห่วงติดเชื้อหลักแสนคุมยาก

วันนี้ (28 มี.ค.2565) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่ามาตรการรองรับช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 65 ยังเน้นมาตรการส่วนบุคคล โดยผู้ที่จะเดินทางช่วงสงกรานต์ให้ทำ Self Clean up ให้ตัวเองอยู่ห่างจากความเสี่ยง โดยแนะนำให้เริ่มปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้ เดินทางกลับบ้านจะได้ไม่นำของฝากกลับไปโดยเฉพาะต่อผู้สูงอายุ

ผู้สือข่าวถามว่ามีการคาดการณ์ตัวเลขคาดการณ์ผู้ติดเชื้อหลังสงกรานต์อาจมีหลักแสนคน จะกระทบต่อแผนปรับเป็นโรคประจำถิ่นหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า การจะทำโควิดเป็นโรคประจำถิ่น มีหลายปัจจัย ไม่ใช่การติดเชื้อเพียงอย่างเดียว ต้องมีความพร้อมด้านสาธารณสุข จำนวนผู้เสียชีวิต การครองเตียง และผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ ถ้าติดเชื้อหลักแสนคนจะควบคุมได้ยาก 

ขอให้อดทนต่อออีกปี-งดสาดน้ำถนนข้าวสาร

ส่วนกรณีผู้ประกอบการถนนข้าวสารเสนอขอเล่นสาดน้ำในถนนข้าวสาร นายอนุทิน กล่าวว่า ยังมีความจำเป็นที่ต้องลดความเสี่ยงหลายๆด้าน โควิดไปกับคน ติดได้จากการสัมผัส ใช้ภาชนะร่วมกันการสาดน้ำ ที่ต้องมีการสนุกสนาน ก็เป็นความเสี่ยง

สงกรานต์ปีนี้ไม่ได้ปิด ยังพบปะกันได้ ขอให้อดทนอีกสักปี ไทยกำลังเดินเข้าสู่โรคประจำถิ่น ไม่ใช่การประกาศอย่างเดียว แต่ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนด้วย พยายามอย่าไปเพิ่มความเสี่ยงในปัจจัยอื่นๆ เมื่อเป็นโรคประจำถิ่นแล้วทุกอย่างก็จะคลี่คลาย

แจงยาฟาวิพิราเวียร์ยังมีเพียงพอ

รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีชมรมแพทย์ชนบทโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่ายาฟาวิพิราเวียร์ขาดแคลน โดยระบุว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ มีเพียงพอ ส่วนกลางได้กระจายยาไปยังจังหวัดต่างๆ อย่างทั่วถึง โดยให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบริหารจัดการ

ขณะเดียวกัน องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ก็มีสารตั้งต้นในการผลิตได้เองในประเทศ รวมทั้งมีการนำเข้ามาจากต่างประเทศด้วย ซึ่ง นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รายงานว่าได้ติดตามดูแลการจัดส่งยาฟาวิพิราเวียร์ไปยังสถานพยาบาลทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด

เท่าที่ได้รับรายงานจากปลัด สธ.ยังมีการบริหารจัดการยาได้เป็นอย่างดี แต่ข่าวอาจทำให้มีความสับสนไปบ้าง มีความพยายามด้อยค่ายาฟาร์วิพิราเวียร์ ทั้งที่เป็นยาที่ไทยใช้รักษาผู้ป่วยมาโดยตลอด 

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค บอกว่าการรักษาผู้ติดเชื้อ ขณะนี้พบว่าร้อยละ 50 ไม่มีอาการ ไม่จำเป็นต้องใช้ยารักษา อีกร้อยละ 25 มีอาการน้อย ก็รักษาตามอาการ เช่น ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ

ส่วนอีกร้อยละ 25 ใช้ยาต้านไวรัส เช่น ยาฟาวิพิราเวียร์โรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า 1,000 แห่งมียาเพียงพอ บางแห่งอาจสำรองยาไว้น้อย ดังนั้นถ้าขาดแคลนยาก็แจ้งได้ที่สาธารณสุขจังหวัด เพื่อนำยาจากคลังสำรองไปไช้ได้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

"ไข้เลือดออก-โควิด" อาการต่างกันอย่างไร ?

ข้อมูลเท็จ! สวอปลึกถึงเพดานจมูกทำเนื้อเยื่อพังผืดเสียหาย