จากกรณีตำรวจ ปทส. ร่วมชุดเหยี่ยวดง จับกุมผู้ต้องหา 3 คน ขณะนัดส่งมอบ “ลูกเสือโคร่ง” สัตว์ป่าคุ้มครอง จำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จำนวน 1 ตัว อ้างนำมาจากต่างประเทศ บริเวณลานจอดรถ ห้างสรรพสินค้า ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 5 เม.ย.
จากนั้นกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ส่งลูกเสือโคร่งของกลาง ให้เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวากดูแลอย่างใกล้ชิด โดยนายสุรศักดิ์ อนุเมธางกูร หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก เปิดเผยว่า จากรายงานการดูแลลูกเสือโคร่ง เพศเมีย ชื่อขวัญ ขณะนี้โดยรวมมีอาการดีขึ้น
ล่าสุด ที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะที่ปรึกษาคณะทำงานยุทธศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าเยี่ยม น้องขวัญ ลูกเสือโคร่ง วัยประมาณ 2 เดือน พร้อมระบุว่า เรื่องทางคดีหรือทางกฎหมาย ขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกรมอุทยานฯ ซึ่งขอให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เพราะในยุคนี้กระทรวง ทส. เอาจริงเอาจังกับเรื่องการจับพวกลักลอบค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง
ทั้งนี้ ศูนย์บึงฉวากมีความพร้อมที่สุดที่จะส่งลูกเสือมาเลี้ยง เพราะที่นี่เคยเลี้ยงลูกเสือ ลูกสิงโตมาจนโตแล้วเป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันนี้เลิกผสมพันธุ์แล้ว แยกเพศผู้เพศเมีย ไม่ให้เพิ่มจำนวน เจ้าหน้าที่ที่เลี้ยงลูกเสือลูกสิงโต จึงมีความชำนาญมาก มีบุคลากรที่เชี่ยวชาญ อีกทั้งมีสัตวแพทย์ อยู่ใกล้โรงพยาบาลสัตว์กำแพงแสน อยู่ใกล้กรุงเทพ จึงถือว่ามีความพร้อมมาก
น.ส.กัญจนา กล่าวว่า สำหรับงบประมาณอาหารของกรมฯ ที่ต้องดูแลศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่า สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า และศูนย์บึงฉวาก รวม 27 แห่งทั่วประเทศ ต้องดูแลสัตว์ป่าทั้งสิ้น 26,065 ตัว ในปีงบประมาณ 2565 ถูกตัดไปกว่า 85 % จาก 90 ล้านบาท เหลือเพียง 12.7 ล้านบาท
ขอฝากสำนักงบประมาณว่า สัตว์พูดไม่ได้ แต่เขาต้องกิน ขณะที่มีการจับคู่ลักลอบค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง ทำให้มีสัตว์ของกลางจำนวนเพิ่มมากขึ้น และต้องเข้ามาอยู่ในความดูแลของกรมฯ ไม่ศูนย์ใดก็ศูนย์หนึ่ง จึงอยากขอความกรุณาสำนักงบประมาณอย่าตัดงบฯ ปี 2566 ของสัตว์เลย
ทั้งนี้ เสือเลี้ยง ไม่ว่าจะในสวนสัตว์หรือที่ต่าง ๆ การสำรวจประชากรพบว่า มีประมาณ 1,400 - 1,500 ตัว ซึ่งเสือเหล่านี้เกิดจากการผสมพันธุ์เพื่อการค้า เพื่อการจัดแสดง เป็นการผสมกันในครอบครัวที่ใกล้กัน จึงทำให้ลูกที่ออกมาไม่แข็งแรง ในขณะที่เสือในป่า ซึ่งทำให้ระบบนิเวศสมดุลในธรรมชาติ มีสถิติประมาณ 250 ตัวเท่านั้น ซึ่งเทียบกันไม่ได้
จึงอยากให้มีการพิจารณาอย่างจริงจังว่า ให้เลิกการผสมพันธุ์เพาะพันธุ์เสือ ที่เลี้ยงเพื่อการค้าได้แล้ว เพราะสิ่งที่เราต้องการคือ เสือที่เกิดในระบบธรรมชาติในป่ามากกว่า
อ่านข่าวอื่น ๆ
ตำรวจรวบตัวได้แล้ว ชายก่อเหตุยิงคู่อริตายภายในห้องฉุกเฉิน รพ.ปากคาด
โฆษก พปชร. รีบแจง ป้าย "บิ๊กป้อม" ไร้นัยยะการเมือง