วันนี้ (4 พ.ค.2565) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ได้รับรายงานจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่า กรณีเกิดเหตุการณ์ชายเมายาบ้าคลุ้มคลั่ง บุกรุกเขตการบิน โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ เข้ามาทางช่องทางที่ 3 มีการใช้อาวุธปืนปลอม และขวานขู่เจ้าหน้าที่และสามารถจับกุมตัวได้ในเวลา 12.04 น.ของเมื่อวานนี้ (3 พ.ค.)
สำหรับผู้บุกรุกเขตการบินที่ก่อเหตุดังกล่าว คือนายวัชระ คำบุตร อายุ 34 ปี ได้ใช้ขวานทุบกระจก และโดนกระจกบาด โดยในขณะก่อเหตุมีอาการเมายา และพูดจาไม่รู้เรื่อง ค้นตัวพบยาบ้า 1 เม็ด ส่วนเจ้าหน้าที่ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่ได้พยายามไล่จับกุม และเข้าควบคุมตัวนั้น ได้รับบาดเจ็บ 4 นาย
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้มีมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวด แต่สั่งได้สั่งการให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายโดยเคร่งครัด
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า จุดเกิดเหตุ คือ บริเวณพื้นที่ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่ใช้สำหรับการขึ้นลงเครื่องบิน (แอร์ไซต์) เบื้องต้นจากการสอบสวนผู้ก่อเหตุ ได้มีการขี่รถจักรยานยนต์วนรอบบริเวณแอร์ไซต์ ทางเข้าหมายเลข 3 ซึ่งเมื่อถึงช่วงทางเข้า เป็นช่วงที่รถของการบินไทยกำลังผ่านการตรวจ และเข้ามาในบริเวณ
จากนั้นผู้ก่อเหตุดังกล่าว ได้ขี่รถจักรยานยนต์แทรกเข้ามา และมีการชักปืน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวไว้ได้ โดยใช้เวลาจับประมาณ 10 นาที เบื้องต้นจากการตรวจสอบอาวุธ พบว่า เป็นปืนบีบีกัน และขวาน เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจสุวรรณภูมิ สอบสวน รวมทั้งอยู่ระหว่างการแจ้งข้อกล่าวหาด้วย
อ่านข่าวเพิ่ม จับแล้ว! ชายถืออาวุธบุกแอร์ไซด์สุวรรณภูมิ
จ่อแจ้งข้อหาชายป่วนสนามบิน-แถลง 10.30 น.
ขณะที่ผู้ก่อเหตุได้ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุนอกจากจะถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกเข้าไปในเขตพื้นที่หวงห้ามภายในท่าอากาศยานแล้ว จะต้องถูกดำเนินคดีจากข้อหากระทำความผิดต่อพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ.2558 ตามมาตรา 19 ด้วยข้อหาใช้อาวุธหรือวัสดุ อื่นใดกระทำการอันอาจเป็นอันตราย หรือน่าจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยานบุกรุก ซึ่งมีระวางโทษหนักอาจถึงประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15-20 ปี และปรับตั้งแต่ 600,000-800,000 บาท
นอกจากนี้ ยังมีความผิดในการทำลายทรัพย์สินของท่าอากาศยานจนได้รับความเสียหาย รวมทั้งมีความผิดเนื่องจากเสพและมียาเสพติดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายอีกด้วย ซึ่งจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ส่งผลให้มีทรัพย์สินส่วนหนึ่งของ ทสภ. ได้รับความเสียหายโดยตรวจพบประตูกระจกตรงช่องทางเข้าอาคารเทียบเครื่องบิน แตกเสียหายจำนวน 2 บาน เนื่องจากผู้บุกรุกได้ใช้อาวุธทุบประตูกระจกเพื่อพยายามหลบหนีเข้าไปในอาคารแต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสกัดจับได้เสียก่อน
โดยวันนี้ เวลา 10.30 น. นายกิตติพงศ์ จะแถลงชี้เแจงข้อเท็จจริงกรณีมีผู้บุกรุกเข้าพื้นที่หวงห้ามเขตการบินอย่างละเอียดอีกครั้ง รวมทั้งการพิจารณาแจ้งข้อหาชายคนดังกล่าว ซึ่งมีรายงานว่าเบื้องต้นอาจจะถุกแจ้งข้อหาดังนี้
- ใช้อาวุธกระทําการเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยาน (โทษหนัก อาจถึงประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต)
- พกพาอาวุธไปในพื้นที่ห้วงห้ามการบิน
- ทำให้ผู้อื่นเกิดความตกใจกลัว
- ขับขี่ยานพาหนะขณะเสพสารเสพติด
- ทำให้เสียทรัพย์
- ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน
อย่างไรก็ตาม ยืนยันสนามบิน ปฏิบัติตามขั้นตอนด้านการรักษาความปลอดภัยโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และ ผู้โดยสารเป็นสำคัญ