กรณีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมุษย์ (พม.) มีคำสั่งย้ายรองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน ที่ถูกกล่าวหาพัวพันคดีค้าประเวณี ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี แต่ยังไม่ขาดจากตำแหน่งเดิม
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันมีความพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม มีพยานยืนยันว่า มีรองอธิบดีกรมกิจการเด็ก ขัดขวางการสอบสวน มีคนช่วยเหลือผู้ต้องหา กดดัน และทำร้ายเด็ก โดยผู้ต้องหากลุ่มแรก ส่งฟ้องอัยการแล้ว
มีการโทรไปสั่งการให้หยุด ให้เด็กให้การเพิ่มเติม เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ต้องหา ส่วนเจ้าหน้าที่ใช้ไม้ทุบตีเด็ก
ขณะนี้เด็กที่ได้รับการช่วยเหลือทั้งหมด เข้าสู่กระบวนการคุ้มครองพยาน ที่กรุงเทพฯ แล้ว นอกจากนี้นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สั่งการให้ย้ายรองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน ที่ถูกกล่าวหา ให้มาประจำสำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เพื่อไม่ให้ไปยุ่งการสอบข้อเท็จจริง แต่ยังไม่หลุดจากตำแหน่งเดิม เพราะขณะนี้ ยังเป็นเพียงข้อกล่าวหาอยู่ โดยขอให้ได้ข้อเท็จจริง จากคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงก่อน
อ่านข่าวเพิ่ม ย้ายด่วน! รองอธิบดีกรมกิจการฯ-จนท.พม.เอี่ยวคดีค้ามนุษย์
พฤติการณ์ข้าราชการ-จนท.พม.เอี่ยวค้ามนุษย์
ย้อนกลับไปเดือนพ.ย.2564 เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานจับกุมคดีค้าประเวณีคดีหนึ่ง ที่ตำบลขุนทะเล ช่วยเหลือเด็กได้หนึ่งคน อายุ 13 ปี เด็ก อ้างว่า ถูกบังคับให้ค้าประเวณี ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ซื้อบริการ และสาวไปถึง "ผู้ที่ทำหน้าที่จัดหา" หรือ "แม่เล้า" ชื่อ น.ส.รุ่งฤดี หรือ "เจ๊น้ำ"
และช่วยเด็ก ได้อีก 5 คนอายุ 13-17 ปี เมื่อช่วยเหลือเด็กมาได้แล้วจึงต้องทำให้เด็กเข้าสู่กระบวน การคุ้มครอง นั่นคือส่งเข้าบ้านพักเด็กและครอบครัวฯ แต่ในขั้นตอนการขยายผล ซึ่งต้องสอบปากคำเด็ก พบว่าเด็กหวาดกลัว และไม่ได้ให้การที่เป็นประโยชน์มากนัก ตำรวจจึงสืบสวนในทางลับ จนพบว่า เด็กถูกข่มขู่จากหลายคน
เด็กหญิงผู้เสียหาย เล่าว่า "นายเอ็ม" เจ้าหน้าที่ของบ้านพักเด็กฯ ใช้ไม้ทุบตีเด็ก เพื่อให้เด็กให้การช่วยเหลือผู้ต้องหาที่ซื้อบริการ และพบว่า เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กฯ ก็รับรู้พฤติกรรมของนายเอ็ม แต่กลับเพิกเฉย เพราะผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ เป็นผู้ที่มีอิทธิพล
สาเหตุที่เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กข่มขู่ ทำร้ายเด็ก เพราะมีสายตรงมาจากผู้บริหารระดับสูง กำชับให้ช่วยเกลี้ยกล่อมเด็ก ให้การเพื่อช่วยเหลือผู้ต้องหา
จากการขยายผล จับกุมผู้เกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ามนุษย์ นำเด็กมาแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ 5 คน ผู้ใช้บริการ อีก 11 คน รวม 16 คน และวันนี้ ตำรวจออกหมายจับผู้ซื้อบริการ เพิ่มอีก 5 คน ช่วยเด็กได้อีก 3 คน
เปิดแฟ้มคดีเก่าลูกอดีตนักการเมืองตกเป็นผู้ต้องหา
แผนผังที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.แถลงยังมีผู้ต้องหาหลบหนี อีก 2 คน หนึ่งในนั้น เป็นลูกชายอดีตนักการเมืองชื่อดัง ในจ.สุราษฎร์ธานี นายแสงโรจน์ หรือโอม หรืออ้วน กาญจนะ ลูกชายอดีตนักการเมือง ถูกออกหมายจับ ฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เมื่อเดือนก.พ.2565 ตามรายงาน ลูกชายอดีตนักการเมือง มีประวัติก่อคดีอาญชากรรมหลายคดี
- ปี 2542 คดีพยายามฆ่า ดวลปืนกับตำรวจ สภ.พุนพิน ที่ผับแห่งหนึ่ง
- ปี 2543 ยิงพนักงานขับรถสำนักงานสรรพากร ภาค 11 สุราษฎร์ธานี เสียชีวิตถูกจำคุก 10 กว่าปี
- ปี 2544 คดียาเสพติด ยกฟ้อง
- ปี 2548 คดีข่มขืนกระทำชำเรา นักศึกษาหญิง ยกฟ้อง
- ปี 2549 คดีข่มขืนหญิงสาวชาวเมียนมา / ใช้อาวุธปืน /หน่วงเหนี่ยวกักขัง ยกฟ้องเพราะพยานกลับประเทศ
- ปี 2551 คดีข่มขืนนักเรียน ปวศ. ใช้อาวุธปืนขู่บังคับ ยกฟ้อง
- ปี 2565 คดีกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ยังหลบหนี
ส่วนในกรมกิจการเด็กและเยาวชน มีนายพิสิฐ พูลพิพัฒน์ เป็นรองอธิบดีคนเดียว อีกตำแหน่งอยู่ระหว่างการสรรหา นายพิสิฐ พูลพิพัฒน์ เคยดำรงตำแหน่งพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.สุราษฎร์ธานี, ผอ.สำนักคุ้มครอง สวัสดิภาพชุมชน มีหน้าที่ส่งเสริม และพัฒนาศักยภาพของเด็กและเยาวชน คุ้มครองและพิทักษ์สิทธิเด็กและเยาวชน และ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 1 ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งฯ ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้
งานวิจัยชี้ซื้อบริการทางเพศเด็ก ผู้ใหญ่ขาดความชั่งใจ
เครือข่ายแก็งซาเมโม มีพฤติกรรมค้าบริการ ในแก๊งนี้มีคนที่ทำหน้าที่เป็นธุระจัดหา หรือแม่เล้า และบางคนยังเป็นเด็กด้วยซ้ำ เหตุผลอะไรทำให้คนกลุ่มนี้ ค้าบริการทางเพศ นักวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฎสุราษฎร์ธานี ซึ่งเคยทำวิทยานิพนธ์ วิเคราะห์ตัวละคร "โสเภณี" มองว่า
การขายบริการทางเพศ เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งการถูกหลอก จากขบวนการค้ามนุษย์ ความยากจน ค่านิยมความฟุ่มเฟือย จนทำให้เด็กหลงผิด และรสนิยมทางเพศ ของผู้ใหญ่ ที่ขาดการยับยั้งชั่งใจ จึงต้องศึกษาทางจิตวิทยาเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศของผู้ใหญ่ที่ขาดความยับยั้งชังใจของคนกลุ่มนี้