วันนี้ (14 พ.ค.2565) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมหารือระหว่างผู้นำอาเซียนกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา พร้อมกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมเสนอให้อาเซียนกับสหรัฐฯ มุ่งสร้างภูมิทัศน์ใหม่ให้ภูมิภาคและโลกใน 3 เรื่อง คือ ด้านความมั่นคงที่เอื้อต่อการฟื้นตัวและการเติบโตอย่างยั่งยืน เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล และเพื่อการดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันขับเคลื่อนความสัมพันธ์ และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน อาทิ การส่งเสริมความร่วมมือด้านสาธารณสุข ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ความร่วมมือทางทะเล และการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและการส่งเสริมนวัตกรรม
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การเดินทางเข้าร่วมประชุมครั้งนี้จะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนฟื้นฟูการเจริญเติบโตของภูมิภาค ทั้งนี้ได้เชิญชวนให้นักลงทุนมาร่วมลงทุนในไทย โดยรัฐบาลจะดูแลสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน โอกาสนี้ยังได้เชิญผู้นำสหรัฐฯ ผู้นำชาติอาเซียน เข้าร่วมการประชุมเอเปคที่ไทยเป็นเจ้าภาพในเดือน พ.ย.2565 ซึ่งส่วนใหญ่ให้การตอบรับ
ส่วนปัญหาพลังงานไทยได้ขอความร่วมมือกับสหรัฐฯในการผลิตและใช้พลังงานดิจิทัล EV เพื่อแก้วิกฤติพลังงาน ปัญหาสินค้าขาดแคลน และความยากจน ซึ่งกลุ่มที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือผู้มีรายได้น้อย และขออย่าด้อยค่ากันในการแก้ไขปัญหา เพราะหากมีความรักความสามัคคีจะทำให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าได้
ในการประชุมครั้งนี้ ไทยยังผลักดันให้สหรัฐฯและผู้นำอาเซียนปรับเปลี่ยนเรื่องของการมุ่งเอาชนะ และเน้นดูแลเรื่องมนุษยธรรม ครอบคลุมทุกเรื่อง ไม่เฉพาะเรื่องของสงคราม โดยบทบบาทของไทยจะเน้นลดความขัดแย้ง ลดการเผชิญหน้า อีกทั้งเสนอไปยังประเทศมหาอำนาจต้องหาแนวทางเพื่อให้โลกเกิดความสงบสุข ส่วนตัวเชื่อว่าปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในขณะนี้จะสามารถยุติได้ในเร็ว ๆ นี้
"ไบเดน" ย้ำสัมพันธ์อาเซียนปิดฉากประชุมสุดยอด
ขณะที่ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ ซึ่งจัดขึ้นที่ทำเนียบขาวเป็นครั้งแรก ไม่เพียงแต่จะเป็นการฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ครบ 45 ปี แต่ยังนับเป็นการเปิดศักราชใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างชาติสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ กับสหรัฐฯ อีกด้วย
นอกจากนี้ ไบเดน ยังระบุว่า ประวัติศาสตร์โลกในช่วง 50 ปี นับจากนี้ในหลาย ๆ มิติจะถูกเขียนขึ้นในกลุ่มประเทศอาเซียน และความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับอาเซียน คือ อนาคต ทั้งในช่วงไม่กี่ปีนับจากนี้ และช่วงอีกหลายทศวรรษข้างหน้าด้วย
ท่าทีดังกล่าวของผู้นำสหรัฐฯ มีขึ้นระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ ซึ่งมีคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับผู้นำอาเซียนด้วย
โดยแฮร์ริส ประกาศว่า สหรัฐฯ จะสนับสนุนงบประมาณโครงการความริเริ่มด้านความร่วมมือทางทะเลในภูมิภาคอาเซียนอีก 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 2 พัน 40 ล้านบาท
ขณะที่แถลงการณ์ร่วมจากเวทีประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯ-อาเซียน สมัยพิเศษนัดนี้ เน้นย้ำถึงความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ และอาเซียน ในการต่อสู้กับการระบาดของ COVID-19 การสร้างความมั่นคงด้านสาธารณสุข และการฟื้นฟูหลังการระบาดร่วมกัน
ท่าทีของสหรัฐฯ ถือเป็นการย้ำจุดยืนการให้ความสำคัญกับชาติพันธมิตรในภูมิภาคแปซิฟิก หลังจาก COVID-19 ทำให้ความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯ ช่วง 1 ปีแรกในการดำรงตำแหน่งของไบเดนค่อนข้างห่างเหิน โดยเฉพาะเมื่อสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการรับมือกับสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อมาร่วม 3 เดือนแล้วก็ตาม ซึ่งเป้าหมายที่แท้จริงของสหรัฐฯ หนีไม่พ้นความพยายามสกัดอิทธิพลของจีน ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ ยืนยันร่วมประชุมที่สหรัฐฯไม่ใช่การเลือกข้าง
"พล.อ.ประยุทธ์" บินลัดฟ้าถึงสหรัฐฯ ร่วมเวทีสุดยอดอาเซียน