วันนี้ (6 มิ.ย.2565) พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ระบุถึงการเตรียมประเมินผ่อนคลายมาตรการถอดหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะ และขยายเวลาเปิดสถานบันเทิง ว่า นโยบายของ ศบค.ตั้งแต่แรกมีความชัดเจนในเรื่องของการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ต้องการให้ประชาชนประกอบอาชีพได้ตามปกติ และขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย จึงต้องพิจารณาผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ อย่างรอบคอบ ป้องกันความเสียหายและซ้ำเติมผู้ประกอบการหากเกิดการแพร่ระบาด COVID-19 ระลอกใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังอย่างมาก
เลขาธิการสภาความมั่นคง ย้ำถึงขั้นตอนในการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ว่า กระบวนการทั้งหมดนั้น จะต้องร่วมกันพิจารณาทั้งในส่วนของ กทม. และจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งมีโครงสร้างอยู่ใน ศบค. และมีการประชุมพูดคุยกันทุกสัปดาห์ และเสนอข้อพิจารณาต่าง ๆ ให้เป็นไปตามมาตรการที่รัฐบาลกำหนด คือ ค่อยเป็นค่อยไป
ประเมินมาตรการหลังผ่อนคลายเปิดผับ-บาร์ 10 วัน
ส่วนการผ่อนคลายขยายเวลาเปิดผับบาร์จากเวลา 24.00 น. เป็น 02.00 น. นั้น เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า ตามหลักการเมื่อมีการผ่อนคลายให้เปิดสถานบันเทิงในวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา จะมีการประเมินอีกครั้ง หลังผ่านไปแล้ว 10 วัน โดยจะประเมินตัวเลขผู้ติดเชื้อ และความร่วมมือของผู้ประกอบการและผู้มาใช้บริการ
หลังจากประเมินสถานการณ์ในช่วง 10 วันแล้ว จะกำหนดออกมาเป็นมาตรการ เช่น การผ่อนคลายทั่วประเทศให้ทุกพื้นที่เป็นสีเขียวทั้งหมด ทั้งนี้ ศบค.ได้ตั้งเป้าการผ่อนคลายสถานบันเทิงให้สามารถเปิดได้ตามปกติ รวมไปถึงการผ่อนคลายให้ถอดหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งทั้ง กทม.และภูเก็ต ก็ต้องการที่จะเป็นพื้นที่นำร่อง แต่ก็ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยยึดถือปัจจัยระหว่างการให้ประชาชนประกอบอาชีพได้ตามปกติ กับการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายซ้ำสอง
ทั้งนี้ หากประเมินจากสถานการณ์ในปัจจุบัน มีความเป็นไปได้สูงที่จะผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติม เนื่องจากประชาชนให้ความร่วมมือ โดยสถานบริการต่าง ๆ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค แต่ยังมีข้อกังวลเรื่องของวัคซีน เพราะบางพื้นที่ยังมีตัวเลขเปอร์เซ็นต์การได้รับวัคซีนน้อยมาก ซึ่งเรื่องนี้ในกรุงเทพฯ ไม่น่ากังวล เพราะประชาชนส่วนใหญ่ตระหนักรู้ แต่บางจังหวัดยังน่าเป็นห่วง
ศบค.เตรียมแผนรองรับผ่อนคลายมาตรการโควิด
พล.อ.สุพจน์ ย้ำว่า หลังวันที่ 10 มิ.ย.นี้ จะมีความชัดเจนเรื่องของมาตรการต่าง ๆ ที่จะผ่อนคลายเพิ่มเติม ทั้งนี้ ศบค.ก็ได้เตรียมแผนรองรับไว้แล้ว ซึ่งการผ่อนคลายก็จะต้องรู้ว่ารูปแบบใดจะปลอดภัยที่สุด เช่น การให้อิสระใส่หน้ากากอนามัย หรือไม่ใส่ก็ได้
เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข เปิดโอกาสให้ประชาชนที่ต้องการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 เข็มที่ 5 ด้วยเหตุผลเป็นการเฉพาะ เช่น ผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศ และบางประเทศกำหนดว่าจะต้องได้รับวัคซีน mRNA และกลุ่มเสี่ยง หรือกลุ่มที่มีความจำเป็น พร้อมย้ำว่าวัคซีนแอสตาเซเนกาที่ไทยมีอยู่ สามารถใช้งานได้และไม่มีปัญหาเรื่องของวัคซีนหมดอายุ เพราะหากวัคซีนหมดอายุก็จะไม่มีการนำมาใช้