สหภาพยุโรปบรรลุข้อตกลงบังคับให้ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดกลางและขนาดเล็กต้องผลิตอุปกรณ์รองรับสายชาร์จเพียงประเภทเดียว คือสาย USB Type-C จึงจะขายในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 27 ประเทศได้ โดยจะเริ่มบังคับใช้ภายในฤดูใบไม้ร่วงปี 2567
อุปกรณ์ที่เข้าข่ายข้อกำหนดนี้ mobile phones, tablets, e-readers, earbuds, digital cameras, headphones and headsets, handheld videogame consoles and portable speakers
อียูประเมินว่า แต่ละปี เฉพาะสายชาร์จต่าง ๆ จะกลายเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์มากถึง 11,000 ตัน เจ้าหน้าที่อียู ระบุว่า บริษัทใดที่อยากทำกำไรในตลาดอุปกรณ์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ควรปรับตัวตามกฎใหม่นี้
อียูพยายามผลักดันกฎนี้มานานเกิน 10 ปีแล้ว ซึ่งบริษัทที่ได้รับผลกระทบอย่างมากหนีไม่พ้นแอปเปิลที่ใช้สายและพอร์ต Lightning บ. นี้เป็นเจ้าใหญ่ที่สุดที่ใช้พอร์ตและสายชาร์จแบบเฉพาะตัวของตัวเอง
ขณะนี้ บ.แอปเปิล ยังไม่ได้ออกมาแสดงท่าทีต่อความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ แต่ก่อนหน้านี้เคยวิจารณ์ว่า กฎนี้ของอียูจะขัดขวางนวัตกรรมการพัฒนาอุปกรณ์ชาร์จต่าง ๆ และสร้างขยะอิเล็กทรอนิกส์กองพะเนิน
แต่หุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 0.9% ในการซื้อขายภาคเช้าที่ตลาดนิวยอร์ก นักวิเคราะห์มองว่า กฎอียูอาจจะเพิ่มแรงซื้ออุปกรณ์แอปเปิลในปี 2567 เพราะคนที่ชอบใช้สินค้ายี่ห้อนี้อาจจะเปลี่ยนไปซื้อเครื่องใหม่ ให้รองรับกฎใหม่
ส่วนผู้คร่ำหวอดในวงการไอทีประเมินทางออกของบริษัทนี้ไว้หลายทาง เช่น อาจจะเปลี่ยนตามอียู ใช้ USB Type-C หรืออาจจะออกแบบอุปกรณ์ให้ไม่ต้องเสียบสายชาร์จอีกเลยก็ได้ อีก 2 ปีถัดไป คือ 2569 จะบังคับกฎแบบนี้กับคอมพิวเตอร์พกพาเพิ่มเติมด้วยความเร็วในการชาร์จ Charging speed harmonised for devices that support fast charging
นอกจากนี้ อียูกำหนดให้ผู้ซื้อเลือกได้ Buyers can choose whether to purchase new device with or without charging device
ที่มา : AFP ,Reuter