ถ้าเขาแต่งหน้าแล้วผลการเรียนไม่ได้เสีย แต่แต่งเพราะความชื่นชอบ แล้วมันจะผิดอะไร ถ้าครูห้าม มันจะเกิดการต่อต้าน แต่ถ้าครูส่งเสริมให้ถูกต้อง นั่นคือการต่อยอดความคิดสร้างสรรค์
ด้วยแนวคิดส่งเสริมเพื่อต่อยอด ทำให้โรงเรียนมัธยมวัดหนองจอก ในกรุงเทพมหานคร ริเริ่มก่อตั้งชุมนุมแต่งหน้าเพื่อการแสดงขึ้นมา โดยมี"สุภกิจ กำลังคลี่" เป็นผู้งัดประสบการณ์ตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่ได้ช่วยแต่งหน้าให้เพื่อนร่วมคณะ กระทั่งเรียนจบก็รับงานแต่งหน้าทั้งงานรับปริญญาไปจนถึงงานแต่งงาน ก่อนจะมาเป็นครูที่โรงเรียนแห่งนี้
ระหว่างที่ทำงานสอนหนังสือ "ครูสุภกิจ" ได้เห็นนักเรียนทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องแต่งหน้า ทั้งการรำ นาฏศิลป์ หรือการแข่งขันละครเวที รวมถึงงานวันสำคัญต่าง ๆ ซึ่งต้องจ้างช่างแต่งหน้าซึ่งมีค่าใช้จ่ายรวมค่าเช่าชุดคนละหลักพันบาท จึงเดินหน้าสร้างชุมนุมนี้ขึ้น เพื่อสอนให้นักเรียนแต่งหน้าให้ตัวเอง และสามารถแต่งหน้าให้คนอื่นได้
ขณะที่บรรยากาศในการเรียนการสอนคลาสนี้ "ครูสุภกิจ" ทุ่มสุดตัวเพื่อถ่ายทอดเคล็ดไม่ลับตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน สร้างความเข้าใจในการใช้เครื่องสำอางแต่ละชนิดให้นักเรียนได้ทดลองด้วยตัวเอง ส่วนเครื่องสำอาง ทั้งรองพื้น แป้ง อายแชโดว์ อายไลเนอร์ บรัชออน ลิปสติก หรือกระจก ที่ใช้ในการเรียนนั้น เป็นอุปกรณ์เลี้ยงชีพในอดีตของครูสุภกิจแทบทั้งหมด ทำให้นักเรียนไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องสำอางในชั้นเรียนแห่งนี้
ชุมนุมนี้เคยเปิดครั้งแรกเมื่อ 2 ปีก่อน แต่เพราะโควิด-19 ทำให้ไม่ได้จัดกิจกรรม ช่วงนั้นต้องบอกว่า นี่คือ บ้านหลังที่ 2 ของเด็ก ๆ LGBTQ+ ในโรงเรียน เพราะหลายคนชื่นชอบการแต่งหน้าและมีพรสวรรค์
"ครูสุภกิจ" มองว่า นักเรียนทุกคนชื่นชอบการแต่งหน้า และบางส่วนก็แต่งหน้ามาโรงเรียนอยู่แล้ว แทนที่จะทำโทษหรือกีดกันจนทำให้นักเรียนดื้อหรือต่อต้าน ครูควรยอมรับ และสนับสนุน ด้วยการเปิดพื้นที่ให้เป็นพื้นที่ลงศิลปะบนใบหน้า สอนให้นักเรียนแต่งหน้าเป็น และรู้จัก Makeup ให้ถูกกาลเทศะ
เพราะความสวยหยุดไม่ได้ และทุกโรงเรียนมีเด็กชอบแต่งหน้า ถ้าเราซัพพอร์ต ให้ถูกที่ ถูกเวลา เหมาะสม ผมเชื่อว่าจะทำให้เด็ก ๆ มีความสุข ทุกโรงเรียนจะมีทีม Makeup ที่ดี ช่วยงานโรงเรียนได้เยอะ และต่อยอดเป็นอาชีพในอนาคตได้
ในคลาสเรียนวันนี้ น.ส.อนินทิตา ชะยะภัย นักเรียนั้น ม.5 ยังได้ให้สัมภาษณ์กับไทยพีบีเอสออนไลน์ด้วยรอยยิ้มว่า เธอเป็นนางรำของโรงเรียนอยู่แล้ว การเข้าร่วมชุมนุมในครั้งนี้ คือการเสริมอาวุธในการเป็นนางรำ ที่ทำให้ไม่ต้องเสียเงินค่าแต่งหน้า ทั้งยังสามารถแต่งหน้าให้เพื่อนคนอื่นๆ ได้อีกด้วย
ไม่ต่างจาก น.ส.จิรภิญญา ลออเงิน นักเรียนอีกคนในชุมนุม ซึ่งมีความฝันอยากเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ ตัดสินใจเข้าร่วมชุมนุมทันที แม้ที่ผ่านมาจะรับชมเทคนิคแต่งหน้าจาก Pinterest และ Tiktok มานาน แต่ก็ยังไม่กล้าลงมือด้วยตัวเอง การร่วมชุมนุมแต่งหน้าในครั้งนี้จึงเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นที่ทำให้เข้าใกล้อาชีพในฝันมากยิ่งขึ้น
"ครูสุภกิจ" ทิ้งท้ายกับไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า Makeup Artists เป็นวงการที่มีการแข่งขันสูงมาก หลัง ๆ จะเห็นว่า "ตัวท็อปราคาฟาดหน้าแต่ละครั้ง หลักหมื่นปลาย" รับแต่งหน้างานแต่งครั้งละแสน แต่ราคาทั่วไป งานรับปริญญา จะอยู่ที่หน้าละ 2,500 บาท หากนักเรียนชื่นชอบ อนาคตต่อยอดได้แน่นอน ยกตัวอย่าง "เนสตี้ สไปร์ทซี่" ซึ่งก็เริ่มจากความชอบ วันนี้สร้างรายได้จากการแต่งหน้า ที่ผู้ใหญ่มองว่าไร้สาระได้
มันสามารถสร้างอาชีพได้ ในอนาคตหากตรงนี้มีสัก 2 คน ที่ชื่นชอบและทำได้ ก็คุ้มค่าแล้ว กับการเปิดชุมนุมนี้ขึ้นมา