วันนี้ (20 มิ.ย.2565) นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เปิดเผยความคืบหน้า กรณีร้านดารุมะ ซูชิ ที่ได้จำหน่าย voucher รับประทานอาหารให้แก่ผู้บริโภค จนได้รับความนิยมจากประชาชนเป็นจำนวนมาก
ต่อมาภายหลังพบว่า ร้านดารุมะ ซูชิ ซึ่งมีจำนวนหลายสาขาได้ปิดตัวลงอย่างกะทันหัน จึงเป็นเหตุให้ผู้บริโภคที่ได้ซื้อ voucher รับประทานอาหารกับร้านดังกล่าวได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จึงได้ตรวจสอบ สรุปประเด็นได้ ดังนี้
ปัจจุบันมีผู้บริโภคร้องเรียนเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวต่อ สคบ.จำนวน 481 คน โดยมีมูลค่าเสียหายประมาณ 800,000 กว่าบาท มีกลุ่มผู้เสียหาย 3 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มของผู้บริโภคที่ซื้อมาเพื่อบริโภคโดยตรง ผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์มาดำเนินกิจการ และผู้ที่ซื้อคูปองเพื่อนำไปจำหน่ายต่อ
นายอนุชา กล่าวถึงการดำเนินการของ สคบ.ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบบริษัท ดารุมะ ซูชิ จำกัด และร้านดารุมะ ซูชิ สาขาบริเวณถนนรามอินทรา สาขาเดอะคริสตัล เอกมัย-รามอินทรา สาขาอมอรินี่ สวนสยาม และสาขาเมเจอร์ รัชโยธินแล้ว และได้ประสานให้ผู้จัดทำแอปพลิเคชัน Daruma Sushi ผู้จัดการของร้านดารุมะ ซูชิ และบุคคลที่อ้างว่าซื้อแฟรนไชส์ ร้านดารุมะ ซูชิ มาให้ถ้อยคำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว โดยได้รับแจ้งจากผู้จัดการสาขาว่ามีสาขาทั้งหมด 27 สาขา
แบ่งเป็นสาขาที่เป็นแฟรนไชส์ 20 สาขา และเป็นสาขาของนายเมธา ชลิงสุข กรรมการผู้มีอานาจลงนามผูกพันบริษัท ดารุมะ ซูชิ จำกัด จำนวน 7 สาขา คือ สาขาอ่อนนุช, สาขาอุดมสุข, สาขาสวนสยาม, สาขาเฉลิมพระเกียรติ, สาขาเมเจอร์รังสิต, สาขาเมเจอร์รัชโยธิน และสาขาพาราไดซ์
พร้อมกันนี้ สคบ.ได้มีหนังสือขอทราบข้อเท็จจริงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ทำหนังสือถึงสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อขอข้อมูลการเดินทางเข้า-ออกประเทศ ของนายเมธา ชลิงสุข กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัทฯ ทำหนังสือถึงกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อขอข้อมูลผู้ถือหุ้นบริษัท ดารุมะ ซูชิ จำกัด ทั้งนี้ ได้รับทราบจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองว่านายเมธาฯ ได้เดินทางออกนอกประเทศเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2565 เวลาประมาณ 01.35 น.
พร้อมทั้งมอบหมายให้ สคบ.หารือ กับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กระทรวงยุติธรรม โดยมี ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ร่วมหารือเพื่อทราบแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่าง 2 หน่วยงานอย่างใกล้ชิด ซึ่งผลการหารือเป็นไปด้วยดี ซึ่งกรณีดังกล่าวสามารถดำเนินการให้เป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547
นายอนุชา เน้นย้ำ สคบ.ทำงานเชิงรุก เร่งสอบสวนหาข้อเท็จจริง หากพบการหลอกลวงทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อน ให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด พร้อมสั่งการให้ สคบ.คุมเข้มการขายสินค้าโปรโมชัน โดยเฉพาะการโฆษณาขายผ่านสื่อออนไลน์ กำชับให้ทำงานอย่างครอบคลุม ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคร่วมมือป้องกันแก้ปัญหา และให้ความรู้กับผู้บริโภคได้รู้เท่าทันกลโกงใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น ป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคถูกหลอกลวง สร้างความเป็นธรรมให้ผู้บริโภค
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
กสร.เร่งตรวจสอบ คุ้มครองสิทธิ ลูกจ้าง "ร้านดารุมะ" ถูกลอยแพ