วันนี้ (24 มิ.ย.2565) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัจจุบันพบเห็นเด็กนักเรียนในกทม.ซ้อนจักรยานยนต์ผู้ปกครองไปกลับโรงเรียนทั้งใกล้บ้าน และบางเส้นทางเป็นถนนใหญ่ จึงเป็นห่วงความปลอดภัยของนักเรียน
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า จากการสำรวจของทีมงานมีนักเรียนเดินทางมาโรงเรียนด้วยรถจักรยานยนต์ 70% ทั้งผู้ปกครองมาส่ง นั่งซ้อนวินจักรยานยนต์ แต่เด็กไม่มีหมวกกันน็อกใส่ เพราะศีรษะเล็ก หมวกกันน็อกผู้ใหญ่จึงใส่ไม่ได้ กับสรีระของเด็ก
มอบหมายให้นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม.ไปสำรวจจนพบว่ามีเด็กในกทม. 270,000 คน ผลสำรวจพบมีความต้องการหมวกกันน็อกเด็กประมาณ 120,000 ใบ
สำหรับการจัดหาทางสำนักงานกลางประกันภัย เสนอตัวจะจัดหามามอบให้ ซึ่งแนวคิดเห็นว่าจะกำหนดนโยบายว่าให้เป็นของส่วนกลางของโรงเรียนที่ทำความสะอาดแล้วนำมาใช้ใหม่ได้เพื่อส่งต่อกันรุ่นต่อรุ่น
ส่วนตัวมองว่าเรื่องความปลอดภัยของนักเรียน เป็นเรื่องสำคัญต้องดูแลในทุกมิติ เพราะนักเรียนเป็นทรัพยากรที่สำคัญของเมือง ที่ต่อไปจะเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยดูแลเมือง ดังนั้นต้องดูแลเขาให้ดีด้วย
ร่วมมือเอกชนแจกหมอกกันน็อกเด็ก-ส่งต่อรุ่นต่อรุ่น
ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมาได้เริ่มทยอยแจกไปบ้างแล้ว เพราะมีเอกชนที่ทราบ และจัดหามาให้ ซึ่งถือเป็น เป็นพลังที่ใครสนใจก็ช่วยกันได้ อาจไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณ กทม. แต่ได้พลังอาสาจากเครือข่ายต่างๆ ที่สนใจก็ติดต่อกทม.มาเพื่อร่วมบริจาคให้เด็กที่เป็นอนาคตชาติได้ด้วยเช่นกัน
ข้อมูลจากแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่เปิดเผยเมื่อช่วงเดือนมี.ค.นี้ พบว่าแนวโน้มการเสียชีวิตจะลดลง แต่การสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทย ยังอยู่ในระดับสูง คือ มีคนตายถึง 17,831 คน คิดเป็น 27.2 ต่อแสนประชากร หรือ 49 คนต่อวัน หรือชั่วโมงละ 2 คน
ส่วนใหญ่ของผู้เสียชีวิตยังคงเป็นคนขับขี่รถจักรยานยนต์ คิดเป็น 74% ของการเสียชีวิต ขณะที่ยังพบว่าหากคนขี่คนซ้อนมอเตอร์ไชค์สวมหมวกกันน็อก 100% การเสียชีวิตในภาพรวมจะลดลง 36%