เปิดม่านเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส
นักแสดง และผู้กำกับจากทั่วโลกที่พาเหรดบนพรมแดง เป็นสัญญาณเริ่มงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส ต้นตำหรับเทศกาลภาพยนตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งปีนี้มีการเปลี่ยนกฎเป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในการให้ภาพยนตร์ทั้ง 66 เรื่องของเทศกาลมาเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ในงานทั้งหมด ซึ่งจะมีการประกาศผู้ชนะรางวัลสิงโตทองคำในวันที่ 10 กันยายนนี้
ไฮไลท์ของปีนี้คือภาพยนตร์ที่ใช้ภาษาอังกฤษมีจำนวนถึงเกือบครึ่ง ทั้งในสายประกวดอย่าง Carnage เรื่องราวการเผชิญหน้าระหว่างผู้ปกครองที่ลูกๆ ทะเลาะกันในโรงเรียน ผลงานล่าสุดของผู้กำกับอื้อฉาวอย่าง โรมัน โปลันสกี้, A Dangerous Method รักสามเส้าของนักจิตวิทยาก้องโลกอย่าง ซิกมุนด์ ฟรอยด์, คาร์ล จุง และซาบีน่า ชปีลไรน์ โดยผู้กำกับรุ่นใหญ่อย่าง เดวิด โครเนนเบิร์ก รวมถึงผลงานเปิดเทศกาลอย่าง The Ides of March เรื่องราวของนักการเมืองมือสะอาดที่ต้องเผชิญกับข่าวฉาวทางเพศช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดย จอร์จ คลูนีย์ นักแสดงและผู้กำกับ ที่เคยประสบความสำเร็จในหนังการเมืองมากมายในอดีต
ผลงานฝั่งเอเชียที่น่าจับตา มีทั้งตัวแทนจากจีนอย่าง A Simple Life เรื่องราวความผูกพันระหว่างนายน้อยและแม่บ้านที่เลื้ยงเขามา ผลงานนำแสดงโดย หลิวเต๋อหัว ตัวแทนจากไต้หวันอย่าง Seediq Bale กับเรื่องราวการต่อสู้เพื่อปกป้องวัฒนธรรมของชาวพื้นเมืองในไต้หวันสมัยที่ถูกกองทัพญี่ปุ่นรุกราน และตัวแทนจากฮ่องกงอย่าง Life Without Principle ผลงานแนวแก๊งสเตอร์ของ ตู้ฉีฟง ที่กลายเป็นผลงานเรื่องสุดท้ายที่ถูกเลือกมาเข้าชิงสิงโตทองคำครั้งนี้
ดาร์เรน อารอนอฟสกี้ ผู้กำกับชาวอเมริกันผู้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการตัดสินของปีนี้ เปิดใจว่าเขารู้สึกตื่นเต้นกับรายชื่อภาพยนตร์ที่ร่วมเทศกาล พร้อมย้ำว่ากรรมการทุกคนจะให้ความเป็นธรรมกับผลงานทุกเรื่อง โดยในปีนี้มีผลงานจากประเทศไทยเข้าร่วมประกวดถึง 3 เรื่อง โดยในสาย Orizzonti สายประกวดของหนังทดลองได้แก่ แต่เพียงผู้เดียว โดย คงเดช จาตุรันต์รัศมี และ ลุงนิ่วไปเยี่ยมเพื่อนบ้าน ของ ฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวนิช ขณะที่ Passing Through the Night ผลงานของ วรรจธนภูมิ ลายสุวรรณชัย ได้เข้าชิงในสายภาพยนตร์ขนาดกลาง และขนาดสั้นของเทศกาลในปีนี้