บรรยากาศที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน อบอวลด้วยกลิ่นอายอดีต และภาพยนตร์ฉายบนจอใหญ่ คือการกลับมาของ "หนังกลางแปลง" ที่จัดขึ้นใจกลางกรุงเทพฯ เขตเมืองเก่าที่ยังสะท้อนภาพวันวาน
หนังกลางแปลงในมุมมองของ "อุ๋ย" นนทรีย์ นิมิบุตร ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ที่กำกับเรื่อง 2499 อันธพาลครองเมือง (2540) หนังไทยเรื่องแรกที่ประเดิมจอ "กรุงเทพกลางแปลง" แม้ผ่านมานาน 25 ปี แต่หนังยังสะกดคนดู
นนทรีย์ เล่าว่า สัมผัสกับหนังกลางแปลงมาตั้งแต่เด็ก และเติบโตมาในแวดวงหนังกลางแปลง จนรู้สึกว่าเป็นหนึ่งในมหรสพและวัฒนธรรมไทย เมื่อมีหนังกลางแปลงฉายอีกครั้ง เหมือนได้ย้อนความทรงจำที่สนุกและเพลิดเพลิน
ส่วนเหตุผลที่ผู้จัดงานเลือกฉายหนัง 2499 อันธพาลครองเมือง ที่ลานคนเมือง เป็นเพราะเรื่องราวในอดีตเกิดขึ้นย่านนี้ ทั้งตรอกไบเล่ ถนนสิบสามห้าง และวังบูรพา ซึ่งเป็นบรรยากาศของชีวิตคนที่ล้อมศาลาว่าการกรุงเทพมหานครเอาไว้
"กรุงเทพกลางแปลง" ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน ทั้งสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย หอภาพยนตร์ สมาคมหนังกลางแปลง และ Better Bangkok ร่วมกับกรุงเทพมหานคร รวมถึงค่ายหนังต่างๆ ที่อนุญาตให้นำหนังมาฉายได้ และอีกหลายหน่วยงานที่สนับสนุนทั้งเงินและสิ่งของ ซึ่งทุกคนร่วมแรงร่วมใจให้งานนี้เกิดขึ้น
ดูหนังกลางแปลงครั้งแรกในวัย 70
"ดูหนังกลางแปลงครั้งแรกในวัย 70" ยุวดี เทพประสิทธิ์ เปิดเผยกับไทยพีบีเอสออนไลน์
ยุวดี ตัดสินใจเดินทางจาก จ.นนทบุรี เพื่อมาดูหนังกลางแปลงที่ใจกลางกรุง เพราะอยากสัมผัสบรรยากาศและหาความบันเทิง หลังจากไม่ได้ออกจากบ้านเพราะโควิด-19 มานานนับปี แม้จะรู้สึกกังวลเพราะคนเยอะ แต่ก็ไม่กลัวจนเกินเหตุ เพราะป้องกันตัวเองเป็นอย่างดี
อยากให้มีกิจกรรมดีๆ แบบนี้ในต่างจังหวัดด้วย มันทำให้คนรู้สึกผ่อนคลาย
ฝากฝั่งเด็กรุ่นใหม่ แม้หลายคนอาจไม่คุ้ยเคยกับหนังกลางแปลง หรือบางคนเคยดูบ้างแล้ว แต่การร่วมงานครั้งนี้เหมือนเปิดประสบการณ์ใหม่
แพรวาและออม นักศึกษาวัย 19 ปี ที่มาร่วมงานกรุงเทพกลางแปลง เล่าว่า พ่อกับแม่เคยพาไปดูหนังกลางแปลงตั้งแต่เด็ก วันนี้ดีใจที่เห็นงานถูกจัดขึ้น และอยากให้กรุงเทพฯ มีงานดีๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะโอกาสนี้ถูกแช่แข็งมานานหลายปี อยากให้กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง
"หนังกลางแปลง" ประสบการณ์พิเศษในยุคมัลติเพล็กซ์
"ทราย" อินทิรา เจริญปุระ เป็นอีกคนหนึ่งที่มองว่า ตลอดช่วงที่ผ่านมากิจกรรมของคนในเมืองได้หายไป ด้วยพื้นที่และข้อจำกัดของโรคระบาด แต่เมื่อเริ่มผ่อนคลาย หลายคนตั้งหลักไม่ถูก คิดไม่ออกว่าจะไปไหน การมีกิจกรรมอย่างดนตรีในสวน หรือหนังกลางแปลง เหมือนเป็นการนำเสนอไอเดียให้คนมาร่วมงาน
นักแสดงคนนี้เชื่อว่า ยุคสมัยที่สตรีมและแพลตฟอร์มต่างๆ มีมากมาย การดูหนังกลางแปลงร่วมกับคนอื่นๆ ในที่โล่งแจ้งแบบนี้ เป็นประสบการณ์พิเศษที่หาไม่ได้ง่ายๆ
มันไม่เหมือนกับการดูหนังในโรงภาพยนตร์แบบมัลติเพล็กซ์ มันอาจจะดีสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำในเรื่องระบบเสียง แต่มันจะเป็นประสบการณ์พิเศษที่คุณก็หาจากที่อื่นไม่ได้
สำหรับกิจกรรม "กรุงเทพกลางแปลง" จะมีจนถึงสิ้นเดือน ก.ค.นี้ ในพื้นที่ 10 ย่านทั่วกรุงเทพฯ และโปรแกรมหนัง 25 เรื่อง นอกจากนี้ยังมีหนังสั้นมาร่วมฉาย โดยจะเริ่มในเวลา 19.00 น. ทุกวันพฤหัสบดี-ศุกร์-เสาร์ และพิเศษอีก 1 วันในวันอาทิตย์ที่ 17 ก.ค. ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เริ่มแล้ว! "กรุงเทพกลางแปลง" ปลุกเศรษฐกิจยามค่ำคืน