ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ไทยพบพืชชนิดใหม่ของโลก "ม่วงราชสิริน - ซ่อนแก้ว"

สิ่งแวดล้อม
14 ก.ค. 65
14:51
1,289
Logo Thai PBS
ไทยพบพืชชนิดใหม่ของโลก "ม่วงราชสิริน - ซ่อนแก้ว"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กรมอุทยานแห่งชาติฯ พบพืชชนิดใหม่ของโลก 2 ชนิด คือ ม่วงราชสิริน และ ซ่อนแก้ว เป็นไม้เถาเนื้อแข็ง พืชสกุลกระพี้จั่น ดอกสีม่วงและสีขาวถึงชมพู

นายธีรวัฒน์ ทะนันไธสง, น.ส.อนุสรา แก้วเหมือน และนายสมราน สุดดี หน่วยงานหอพรรณไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช ร่วมกับ ผศ.ดร.สไว มัฐผา อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ผู้เชี่ยวชาญพรรณไม้วงศ์ถั่ว (Fabaceae) ของไทย ได้ร่วมกันตีพิมพ์พืชชนิดใหม่ของโลก คือ “ม่วงราชสิริน”

พืชชนิดใหม่นี้ ถูกค้นพบโดยทีมงานนักพฤกษศาสตร์หอพรรณไม้ ระหว่างทำการสำรวจความหลากหลายของพรรณพืช บริเวณพื้นที่อุทยานธรรมชาติวิทยา อันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ในเดือน ส.ค.2563 ซึ่งได้พบไม้เถาเนื้อแข็งไม่ทราบชนิด ซึ่งมีเฉพาะผล จึงได้ติดตามเก็บตัวอย่างและได้ตัวอย่างดอก

ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติฯ

ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติฯ

 

ในเดือน เม.ย.2564 ได้ทำการตรวจสอบตัวอย่าง พบเพิ่มเติมบริเวณอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จากการศึกษาอย่างละเอียดพบว่า เป็นพืชชนิดใหม่ของโลกในสกุลกระพี้จั่น (Millettia) วงศ์ถั่ว (Fabaceae) จึงได้ร่วมเขียนตีพิมพ์

กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ขอพระราชทานนาม ซึ่งมีชื่อพฤกษศาสตร์ที่ขอพระราชทานนามว่า Millettia sirindhorniana Mattapha, Thanant., Kaewmuan & Suddee คำระบุชนิด “sirindhorniana” ตั้งขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

โดยพระองค์ท่านได้เสด็จพระราชดำเนิน ไปทรงติดตามการดำเนินงานของโครงการอุทยานธรรมชาติวิทยา อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 28 ม.ค.2562 และได้มีพระกระแสรับสั่งต่อเจ้าหน้าที่ผู้เดินทางไปร่วมรับเสด็จ

ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ดำเนินการสำรวจชนิดพรรณไม้ ในโครงการอุทยานธรรมชาติวิทยา อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพิ่มเติมอีกจำนวน 3 ลุ่มน้ำ จากเดิมที่สำรวจไปแล้ว 1 ลุ่มน้ำ

พืชชนิดใหม่นี้มีชื่อไทย ซึ่งเป็นนามพระราชทานว่า “ม่วงราชสิริน” ตัวอย่างต้นแบบเก็บรักษาไว้ที่หอพรรณไม้

ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติฯ

ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติฯ

ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติฯ

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของ “ม่วงราชสิริน”

เป็นไม้เถาเนื้อแข็ง กิ่งอ่อนมีขนสั้นนุ่ม เกลี้ยงเมื่อแก่ ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงเวียน ใบย่อย 7-9 ใบ เรียงตรงข้าม รูปขอบขนานถึงรูปไข่กลับ ใบปลายรูปไข่กลับ มีขนาดใกล้เคียงกับใบคู่ล่าง ๆ หรือใหญ่กว่าเล็กน้อย ใบทั้งหมดกว้าง 2.5-6 ซม. ยาว 5-15 ซม. ปลายเป็นติ่งแหลมถึงยาวคล้ายหาง โคนมนถึงมนกลม ขอบเรียบ แผ่นใบบางคล้ายกระดาษ ด้านบนมีขนตามเส้นกลางใบและเส้นแขนงใบ ส่วนอื่นเกลี้ยง ด้านล่างมีขนสีน้ำตาลหนาแน่น เส้นแขนงใบข้างละ 6-10 เส้น ก้านใบยาว 6-10 ซม. มีขนสั้นนุ่ม ก้านใบย่อยยาว 3-5 มม. มีขนสั้นนุ่ม ไม่มีหูใบย่อย

ช่อดอกออกเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง ช่อตั้งขึ้น มีขนสีน้ำตาลแดงหนาแน่น ดอกสีม่วง มีเส้นสีม่วงแดงเข้มตามยาว ใบประดับและใบประดับย่อยมีขนาดเล็ก ด้านนอกมีขน ด้านในเกลี้ยง กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมกันเป็นรูปถ้วย ยาว 2.5-3 มม. ผิวด้านนอกมีขนสีแดงหรือสีน้ำตาลแดง

กลีบดอกกลีบกลางรูปเกือบกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. ปลายเว้าตี้น บนก้านกลีบมีต่อมนูน ผิวด้านนอกมีขนสีเงินที่ช่วงปลายกลีบ ช่วงโคนเกลี้ยง ด้านในเกลี้ยง กลีบคู่ข้างรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 1 ซม. ปลายมน โคนตัด เกลี้ยงทั้ง 2 ด้าน กลีบคู่ล่างรูปขอบขนานแกมรูปเคียว ยาวประมาณ 1 ซม. ปลายมนกลม โคนมน ผิวด้านนอกมีขนสีเงิน

ด้านในเกลี้ยง เกสรเพศผู้คล้ายเชื่อมติดกลุ่มเดียว รังไข่มีขนสั้นนุ่ม ผลรูปรี รูปขอบขนาน หรือรูปไข่กลับ แบน กว้าง 1.5-2.5 ซม. ยาว 5-8 ซม. มีขนสีน้ำตาลหนาแน่น

“ซ่อนแก้ว” พืชชนิดใหม่ของโลกอีกชนิด 

ผศ.ดร.สไว มัฐผา อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ผู้เชี่ยวชาญพรรณไม้วงศ์ถั่ว (Fabaceae) ของไทย ยังได้ร่วมกับนักพฤกษศาสตร์จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดย น.ส.นัยนา เทศนา หน่วยงานหอพรรณไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช ร่วมกันตีพิมพ์พืชชนิดใหม่ของโลกอีกชนิด คือ “ซ่อนแก้ว”

ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติฯ

ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติฯ

ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติฯ

 

โดยค้นพบที่ จ.เพชรบูรณ์ บริเวณวัดผาซ่อนแก้ว และที่ จ.เชียงราย บริเวณน้ำตกขุนกรณ์และอุทยานแห่งชาติขุนน้ำนางนอน ซึ่งดำเนินการภายใต้โครงการวิจัยความหลากหลายของพันธุ์พืชในระบบนิเวศเขาหินปูนประเทศไทย

พืชชนิดนี้มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า “Millettia tomentosa Mattapha & Tetsana” คำระบุชนิด “tomentosa” ตั้งตามลักษณะขนที่หนาแน่น บริเวณรังไข่และผล ส่วนชื่อไทย “ซ่อนแก้ว” ตั้งตามชื่อแหล่งเก็บตัวอย่างต้นแบบ ที่วัดผาซ่อนแก้ว ตัวอย่างต้นแบบเก็บรักษาไว้ที่หอพรรณไม้

โดยผู้วิจัยได้ตรวจสอบชนิดที่มีการรายงานในภูมิภาคเอเชียและตัวอย่างพรรณไม้อ้างอิงทั้งในและต่างประเทศ พบว่าชนิดนี้ ยังไม่มีการให้ชื่อพฤกษศาสตร์ การพบพืชชนิดนี้ครั้งแรก เป็นตัวอย่างเพียงแค่ฝัก ต่อมามีการตามเก็บตัวอย่างดอก เพื่อยืนยันชนิดที่ถูกต้องโดยใช้เวลา 8 ปี จนในที่สุดจึงได้ตัวอย่างที่สมบูรณ์ ได้แก่ ใบ ฝัก ดอก ผล และเมล็ด นำมาซึ่งการตรวจสอบและตั้งชื่อพฤกษศาสตร์

ประเทศไทยนับว่าพืชสกุลกระพี้จั่น มีความหลากหลายชนิดมากที่สุดในโลก ปัจจุบันประเทศไทยมีการค้นพบจำนวนชนิดใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะในสมัยอดีตยังไม่มีการศึกษารายละเอียดมากนัก และอาจเนื่องจากพืชสกุลนี้ เป็นสกุลที่ยากต่อการศึกษา

ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติฯ

ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติฯ

ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติฯ

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของ “ซ่อนแก้ว”

เป็นไม้เถาเนื้อแข็งหรือไม้พุ่มกึ่งเลื้อย กิ่งอ่อนมีขนสีน้ำตาลหนาแน่น ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงเวียน ใบย่อย 5-9 ใบ เรียงตรงข้าม รูปรี รูปไข่ หรือรูปไข่กลับ ใบปลายรูปไข่กลับ ใบทั้งหมดกว้าง 3-6 ซม. ยาว 8-15 ซม. ปลายแหลมหรือเรียวแหลม โคนรูปลิ่ม ขอบเป็นคลื่นเล็กน้อย แผ่นใบบางคล้ายกระดาษ ด้านบนเกลี้ยง ด้านล่างมีขนประปรายตามเส้นใบ ส่วนอื่นเกลี้ยง เส้นแขนงใบข้างละ 4-5 เส้น ก้านใบยาว 4-10 ซม. มีขนหนาแน่น ก้านใบย่อยยาว 4-5 มม. มีขนสั้นนุ่ม ไม่มีหูใบย่อย

ช่อดอกออกตามซอกใบหรือปลายกิ่ง มีขนสีน้ำตาลแดงหนาแน่น ใบประดับร่วงง่าย ดอกสีขาวถึงชมพูอ่อน กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมกันเป็นรูปถ้วย ยาว 2.5-3 มม. ผิวด้านนอกมีขนหนาแน่น

กลีบดอก กลีบกลาง รูปเกือบกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. ปลายเว้าบุ๋ม ช่วงกลางก้านกลีบมีต่อมนูน ผิวด้านนอกมีขนสีทองหนาแน่น ด้านในเกลี้ยง กลีบคู่ข้างรูปเคียว ยาว 7-8 มม. ปลายแหลม โคนตัด เกลี้ยงทั้ง 2 ด้าน กลีบคู่ล่างรูปเคียวถึงรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 6 มม.ผิวด้านนอกมีขนหนาแน่น

ด้านในเกลี้ยง เกสรเพศผู้เชื่อมติดกลุ่มเดียว รังไข่มีขนหนาแน่น ผลรูปขอบขนานถึงรูปไข่กลับ แบน กว้างประมาณ 2 ซม. ยาว 8-11 ซม. มีขนหนาแน่น

 

อ่านข่าวอื่น ๆ

หายาก "ครอบครัวเสือโคร่ง" พบแล้ว 15 ตัวป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่

เช็ก 5 อุทยานขึ้นทะเบียน "ท้องฟ้ามืด" จุดท่องเที่ยวดาราศาสตร์

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง