วันนี้ (8 ส.ค.2565) ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานผู้ป่วยโควิด 1,842 คน ผู้ป่วยสะสม 2,384,016 คน (ตั้งแต่ 1 ม.ค.2565) หายป่วยกลับบ้าน 2,015 คน หายป่วยสะสม 2,386,008 คน(ตั้งแต่ 1 ม.ค.2565) กำลังรักษา 21,319 คน เสียชีวิต 34 คน เสียชีวิตสะสม 9,932 คน (ตั้งแต่ 1 ม.ค.2565) จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 953 คน
ขณะที่เฟซบุ๊ก ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ Center for Medical Genomics ระบุว่า ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี เริ่มติดตาม "โอมิครอน" สายพันธุ์ย่อย "BA.4.6" ที่พบระบาดในสหรัฐอเมริกา
เนื่องจากมีการเติบโต-แพร่ระบาด สูงกว่า BA.4/BA.5 และ BA.2.75 โดยสายพันธุ์ย่อยนี้ยังไม่พบในประเทศไทย ซึ่งทาง US CDC ปรับให้โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย "BA.4.6" เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล
เนื่องจากมีการระบาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากข้อมูลของ CDC พบว่า BA.4.6 คิดเป็น 4.1 % ของผู้ติดเชื้อโควิด19 ในสหรัฐอเมริกา (30 ก.ค.) พบผู้ติดเชื้อจำนวนมากในรัฐไอโอวา แคนซัส มิสซูรี และเนบราสก้า
โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4.6 คล้ายคลึงกับสายพันธุ์ BA.4 เพียงแต่มีการกลายพันธุ์ที่หนาม ต่างไปจากโอมิครอนอื่น 1 ตำแหน่ง (Spike R346T mutation) ยังไม่มีข้อมูลด้านการหลบภูมิคุ้มกัน หรือการดื้อต่อวัคซีนเจนเนอเรชั่นแรก และเจนเนเรชั่นสองที่จะมีให้ได้ฉีดกันปลายปีนี้ รวมทั้งยังไม่มีรายงานความรุนแรงของโรค ที่แตกต่างไปจากโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยอื่นอย่างมีนัยสำคัญ
ภาพ : เฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics
ถอดรหัสพันธุกรรม "BA.4.6" เติบโต-แพร่เร็วกว่า BA.5
มีการถอดรหัสพันธุกรรม BA.4.6 ทั้งจีโนม และอัปโหลดขึ้นพบฐานข้อมูล GISAID โลกแล้วทั้งสิ้น 5,681 ตัวอย่างภายใน 3 เดือนที่ผ่านมา
โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2.75 จากอินเดีย แม้จะมีการกลายพันธุ์บริเวณหนามไปมากที่สุดถึง 8 ตำแหน่งเมื่อเทียบกับโอมิครอน สายพันธุ์ย่อยอื่น แต่การระบาดในอินเดีย และทั่วโลก กลับลดลงอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.4.6 ในสหรัฐอเมริกา มีการเติบโต-แพร่ระบาดเหนือกว่าทั้ง BA.5 และ BA.2.75
โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4.6 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BA.5 ทั่วโลกประมาณ 15% และ BA.5 ในเอเชียประมาณ 28%
โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4.6 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BA.2.75 ทั่วโลกประมาณ 12% และ BA.2.75 ในเอเชียประมาณ 53%