จากกรณีโซเชียลโพสต์ภาพเหตุการณ์ขณะรถเก๋งขับออกจากคอนโดมิเนียม และชนนักชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และนักเรียนหญิง 2 คน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 บาดเจ็บรวม 3 คน บริเวณทางม้าลายหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านพญาไท จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากคนขับรถคันดังกล่าวไม่ได้หยุดรถขณะเจ้าหน้าที่โบกธงแดงให้เด็กข้ามถนน
วันนี้ (22 ส.ค.2565) แม่ของเด็กชายอายุ 15 ปี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ ตนเองได้พาลูกชายมาตรวจร่างกายเพิ่มที่โรงพยาบาล เพราะมีอาการมึนหัว
โดยเช้าวันเกิดเหตุ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนไปส่งลูกชายฝั่งตรงข้างโรงเรียน ต่อมามีรถเก๋งสีดำออกจากคอนโดมิเนียมและพุ่งชนเด็ก แม้เจ้าหน้าที่จะโบกธงแดงให้หยุดรถให้เด็กข้ามทางม้าลาย ทำให้ลูกบาดเจ็บ พลาดการสอบ และต้องหยุดเรียนแล้ว 3 วัน
เบื้องต้นลูกชายมีอาการบาดเจ็บ สะโพกและเข่ามีรอยถลอก ฟกซ้ำ ต้องเย็บแผลบริเวณคาง 8 เข็ม แต่ลูกชายยังตกใจและกลัวที่จะข้ามทางม้าลาย
แม่ของเด็กชาย 15 ปี ยังตั้งคำถามถึงคู่กรณีว่า หลังจากเกิดเหตุไม่ได้พาเด็กที่บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล จนครูต้องพาเด็กเข้ามาปฐมพยาบาลในโรงเรียน ก่อนพาไปโรงพยาบาลพร้อมกับผู้ปกครอง
ตอนแรกคู่กรณีบอกว่าจะตามไปโรงพยาบาล แต่ก็ไม่ได้ไป และมาเจอกันที่โรงพัก พอให้การเสร็จเขาก็ออกมายืนไหว้บอกว่าขอโทษทุกคนที่ทำให้เสียเวลา แต่ไม่ได้ถามอาการน้อง ๆ เลย
แม่ของเด็กชายที่ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า คู่กรณีเป็นชายวัย 49 ปี ได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้น 15,000 บาท และเด็กหญิงอีก 2 คน รวม 18,000 บาท ต่อมาคู่กรณีได้โอนเงินค่าล้างแผลให้อีก 7,000 บาท แต่ไม่ได้สอบถามอาการบาดเจ็บเพิ่มเติม ซึ่งได้นัดพูดคุยกับคู่กรณีอีกครั้งในวันที่ 31 ส.ค.นี้ เพื่อตกลงค่าสินไหมทดแทน ที่ สน.พญาไท
ก่อนหน้านี้ ลูกชายเป็นคนระมัดระวังเมื่อต้องข้ามถนน หรือทางม้าลาย และมักจะข้ามพร้อม ๆ กับเพื่อนเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ เมื่อเจ้าหน้าที่โบกธงให้ข้ามทางม้าลาย ซึ่งโรงเรียนได้มีมาตรการดูแลความปลอดภัยและมีเจ้าหน้าที่คอยโบกธง จึงขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนตั้งสติ เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นเขตโรงเรียน และมีทางม้าลายชัดเจน จึงไม่ต้องการให้เกิดเหตุซ้ำ