วันนี้ (30 ส.ค.2565) เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจยึดของกลางสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ประเภทกระเป๋าและกางเกงยีนส์แบรนด์เนม รวม 360,000 ชิ้น ในสถานที่และโกดังเก็บสินค้าในเขตพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษรวม 12 จุด
พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า หลังจากประเทศไทยถูกสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา จัดอันดับสถานะทางการค้าอยู่ในบัญชีที่ต้องจับตามอง ในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาตามกฎหมายการค้าสหรัฐอเมริกา
ดีเอสไอจึงสืบสวนหาแหล่งที่ซุกซ่อนสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และเข้าตรวจค้นในตลาดโรงเกลือนครนายก และตลาดเดอะ คอยน์ จ.นครนายก พบกระเป๋าแบรนด์เนมหลายยี่ห้อ 300,000 ชิ้น หากคิดเป็นมูลค่าความเสียหายตามราคาของแท้เป็นเงินกว่า 100 ล้านบาท
นอกจากนั้น ยังได้ตรวจค้นในโกงดังย่านเขตบางบอน พบเก็บกางเกงยีนส์แบรนด์เนมหลายยี่ห้อ รวมกว่า 60,000 ตัว ที่ละเมิดเครื่องหมายการค้า มูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท และหากคิดเป็นมูลค่าความเสียหายของแท้เป็นเงินกว่า 100 ล้านบาท
สำหรับพื้นที่โรงเกลือนครนายก ถือเป็นศูนย์กลางจำหน่ายรายใหญ่อีกแห่งที่มีนายทุนและใช้คนไทยเป็นลูกจ้าง ส่วนตลาดอื่น ๆ เริ่มเบาบางลงไปแล้ว ส่วนใหญ่จะขายในสื่อออนไลน์มากขึ้น แต่หลังจากสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลาย ทำให้มีการนำมาขายในตลาดเพิ่มขึ้น
ขณะที่ตัวแทนเจ้าของสินค้าแบรนด์เนม บอกว่า การจับสินค้าละเมิดทรัพย์ทางปัญญาในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดของดีเอสไอ และถือว่าประเทศไทยขาดรายได้จากการลักลอบขายสินค้าแบบนี้ เนื่องจากสินค้าแบรนด์เนมหากนำเข้ามาในไทยจะต้องเสียภาษีร้อยละ 25 และผู้ที่ก่อเหตุเป็นชาวกัมพูชา
สำหรับของกลางที่ยึดได้ทั้งหมด ดีเอสไอได้เก็บรวมรวมไว้เพื่อรอการทำลาย มูลค่าความเสียหายของสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่ยึดได้ในครั้งนี้รวมกว่า 120 ล้านบาท