ถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจในสังคม กรณีรถตู้รับส่ง ลืมเด็กนักเรียนหญิงชั้น ป.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี เสียชีวิต พร้อมตั้งคำถามว่าทำไมจึงเกิดเรื่องแบบนี้ซ้ำ
จากสถิติเด็กที่ถูกลืมในรถตู้รับส่งนักเรียน และเสียชีวิต พบเฉลี่ย 2-3 คนต่อปี ส่วนใหญ่อายุต่ำกว่า 6 ปี ระยะเวลาการเสียชีวิต เฉลี่ยติดอยู่ในรถ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้หลายโรงเรียนต้องฝึกการเอาชีวิตรอด
ปริ้นๆ ปริ๊น ปริ้นๆ ปริ๊นๆ ปริ้นๆ ปริ๊น
นี่เป็นการฝึกซ้อมการเผชิญเหตุ ของเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล โรงเรียนอนุบาลหลานรัก อ.แกลง จ.ระยอง เมื่อติดอยู่ในรถ ซึ่งมีทั้งการฝึกให้เด็กใช้มือกดแตร และใช้วิธีนั่งทับแตรให้เกิดเสียงดัง สำหรับเด็กเล็กที่อาจจะไม่มีแรงกด
ฝึกซ้อมกันอย่างจริงจัง และให้ความสำคัญมาก ทำมานานกว่า 10 ปีแล้ว เพราะถือเป็นนโยบายของโรงเรียน ต้องการเสริมทักษะชีวิตการเอาตัวรอดให้กับเด็ก เมื่อเปิดเทอมทุกปี จะต้องฝึกปฏิบัติแบบนี้ ผู้อำนวยการโรงเรียน บอกว่า มีเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ปกครองที่ชื่นชมและให้ความสนใจกับการเสริมทักษะให้เด็ก
บีบแตร-เปิดล็อก สัญญาณขอความช่วยเหลือ
อรพิน เจียมพรุฬห์ ผอ.โรงเรียนอนุบาลหลานรัก กล่าวว่า ถ้าเด็กไม่ได้รับการฝึก ก็จะคิดไม่ออก แต่ถ้าทักษะที่ถูกฝึกแล้ว เด็กเจอเหตุการณ์นี้ ครูสอน เด็กก็จะทำได้ แต่ถามว่า 100% หรือไม่คงไม่ทั้งหมด แต่เชื่อว่าเด็กที่ได้รับการฝึกจะรู้ว่าต้องทำอย่างไร
อีกแห่งที่ จ.สมุทรปราการ เทศบาลตำบลแหลมฟ้าผ่า เข้าอบรมสอนนักเรียนชั้นเตรียมอนุบาลและเด็กอนุบาล อายุ 2-4 ปี ที่ศึกษาอยู่ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลแหลมฟ้าผ่า รู้วิธีเอาตัวรอดจากการติดในรถ
ให้สังเกตตำแหน่งแตรรถ ทดลองบีบแตร สอนให้ทราบถึงปุ่มสัญญาณไฟฉุกเฉิน วิธีกดสัญญานไฟฯ จุดต่อมาก็คือสอนวิธีปลดล็อค เปิด-ปิด ประตู โดยเจ้าหน้าที่เน้นให้เด็กๆ ตั้งสติให้ได้ เพราะจะทำให้การช่วยเหลือตัวเองได้ผล
นาฬิกาติดตามตัวแจ้งพิกัด
นอกจากการฝึกซ้อมให้เด็กช่วยตัวเองเมื่อติดในรถ ยังมีกลุ่มสตาร์ทอัพ และผู้ประกอบการไทยได้คิดค้นนวัตกรรมช่วยผู้ปกครองป้องกันเด็กหายและลืมเด็กในรถ มีทั้งนาฬิกาติดตามตัวเด็ก โดยการทำงานจะใช้วิธี ติดตามระบุตำแหน่งของผู้สวมใส่ ส่งสัญญาณอัตโนมัติ แจ้งตำแหน่งของเด็กมาที่เครื่องของผู้ปกครอง
และอีกนวัตกรรมคือ เครื่องตรวจสิ่งมีชีวิตจากอัตราคาร์บอนไดออกไซด์ และความชื้นที่เกิดจากการหายใจ เป็นการทำงานบนแพลตฟอร์ม IOT หากพบว่า มีระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในรถสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระบบจะส่งสัญญาณเตือนไปยังผู้ดูแลรถ หรือครู ผ่านทางแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ว่ามีคนติดอยู่ในรถ
ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้เด็กเสียชีวิตเมื่อติดในรถ ไม่ใช่การขาดอากาศหายใจ แต่เป็นเพราะอุณหภูมิร่างกายจะสูงขึ้น หรือที่เรียกว่าฮีทสโตรก เมื่อความร้อนเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายจะพยายามขับออกให้หมด สร้างเหงื่อขึ้นมาเป็นตัวระบายความร้อน แต่เมื่อถึงจุดจุดหนึ่งกลไกการระบายความร้อนร่างกายเสียหาย แทนที่จะเป็นเหงื่อ ก็จะเป็นผิวหนังแห้ง เส้นเลือดต่างๆขยายตัว เกิดภาวะเลือดเป็นกรด อวัยวะทุกอย่างหยุดทำงาน และเสียชีวิต
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ย้อนสถิติ 9 ปี ลืมเด็กในรถ แนะ 3 ข้อต้องทำก่อนขึ้น-ลงรถ
ด.ญ.วัย 7 ขวบ เสียชีวิต ถูกลืมในรถรับ-ส่ง จ.ชลบุรี
“ตรีนุช” สั่งตั้ง กก.สอบลืมเด็ก ป.2 บนรถตู้เสียชีวิต
ฝากร่าง "น้องจีฮุน" ไว้นิติเวชชั่วคราว เดินหน้าเอาผิดโรงเรียน