วันนี้ (2 ก.ย.2565) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา พร้อมด้วยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า แถลงความร่วมมือทำงานทางการเมืองร่วมกัน
นายสุวัจน์ มองสถานการประเทศไทยช่วงนี้ว่า วิกฤตที่สุดโดยเฉพาะวิกฤตเศรษฐกิจ ที่ส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์โควิด ซึ่งพรรคชาติพัฒนาจึงตั้งเป้าที่จะหามาตรการและนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อกอบกู้วิกฤตในช่วงนี้
ดังนั้น จึงต้องจับมือกันกับมือเศรษฐกิจที่เป็นมืออาชีพ ที่เข้าใจในบริบทปัญหาเศรษฐกิจของโลก ประเทศ และรากหญ้า
จึงปรึกษากันว่านายกรณ์ มีความเหมาะสม เนื่องจากมีประสบการณ์มีผลงานชัดเจน และความเหมาะสมทั้งการศึกษา การทำงาน ที่สำคัญเคยเป็น ส.ส.ที่มีความยึดโยงกับประชาชน
จึงเชื่อมั่นว่าจะนำไปสู่การแก้ปัญหาสำเร็จในนามพรรคชาติพัฒนา เพื่อเป็นความหวังในการกอบกู้เศรษฐกิจของประเทศจับมือกันรวมพลังกันในการแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจของบ้านเมือง
นายสุวัจน์ยังกล่าวว่า จะคิดเชิญนายกรณ์มาร่วมงานกับพรรคชาติพัฒนา แต่ยังมีขั้นตอนทางกฎหมายที่ต้องดำเนินการต่อไป
ส่วนจะมาดำรงตำแหน่งใดในพรรคชาติพัฒนานั้นต้องเป็นตำแหน่งสำคัญที่มั่นใจว่าจะแก้ปัญหาให้ประเทศได้
ยังไม่ชัดว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคชาติพัฒนาหรือไม่ เพราะเป็นไปตามจังหวะและปฏิทินทางการเมือง และพร้อมรับทีมงานของนายกรณ์และพรรคกล้ามาร่วมงานด้วย
นายสุวัจน์ ยังย้ำแนวทางการทำงาน พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ที่สร้างสรรค์ ประนีประนอม ยึดผลประโยชน์ชาติเป็นหลัก การเมืองนิ่ง มีเสถียรภาพ ไม่ขัดแย้ง
เป็นส่วนผสมผสานลงตัวทางการเมือง ความเป็นมืออาชีพทางเศรษฐกิจการเมืองเข้าด้วยกัน จึงมั่นใจด้วยทีมเวิร์กและมืออาชีพที่จะร่วมกันทำงาน ให้เกิดความแข็งแกร่งและนำไปสู่ความสำเร็จในการแก้ปัญหาให้ประชาชน
นายสุวัจน์ ระบุไม่สามารถคาดหวังจำนวนที่นั่ง ส.ส.แต่อยากกลับมาเป็นพรรคใหญ่อีกครั้ง กลับมาสู่จุดเดิมเป็นทางเลือกมีบทบาทลดความขัดแย้ง สร้างเสถียรภาพทางการเมืองทรงพลัง และสามารถกู้วิกฤตประเทศได้แต่ยังเร็วเกินไปที่จะตอบว่าจะจับมือร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองใด
ทั้งนี้ ยืนยันไม่ปิดกั้นโอกาสร่วมงานทางการเมืองกับพรรคการเมืองอื่น ทั้งพรรคไทยสร้างไทยของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หรือ พรรคสร้างอนาคตไทยของนายอุตตม สาวนายน และพร้อมสู้กับการเลือกตั้งทุกกติกา
ด้านนายกรณ์ กล่าวว่า เป้าหมายในฐานะนักการเมืองไม่เคยเปลี่ยน คือ ช่วยแก้ปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ช่วยสร้างความมั่นคง จึงตัดสินใจจับมือกับนายสุวัจน์ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ง่ายมาก เพราะมีโอกาสเคลื่อนแนวความคิด นโยบายช่วยประชาชนได้มากขึ้น และประชาชนจะได้ประโยชน์
อีกทั้งเป้าหมาย ปรัชญาทางการเมืองและหลักปฏิบัตินิยม คือ การลงมือทำ ตรงกัน โดยเห็นนายสุวัจน์ลงมือทำและมีผลงานเป็นที่ประจักษ์มาตลอด
นายกรณ์ ยังชี้แจงว่า การรวมพลังทำงานด้วยกันครั้งนี้ จะให้ความร่วมมือร่วมกันเต็มที่ ในรูปแบบที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ความชัดเจนเรื่องสังกัดพรรคต้องรอรายละเอียดต่อไป และรอขั้นตอนตามกฎหมาย และจะไม่ใช่การควบรวมพรรคด้วยกัน
พรรคกล้าจะยังอยู่ในสถานะพรรคการเมือง แต่ทุกคนในพรรคกล้าเห็นตรงกันกับความร่วมมือครั้งนี้ โดยเฉพาะนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้าที่จะมาร่วมงานด้วยและการตัดสินใจร่วมมือทางการเมืองครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสูตรคำนวฯ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หารด้วย 100