กฎหมายจราจรฉบับใหม่ เริ่มมีผลบังคับใช้วันนี้ (5 ก.ย.2565) เป็นวันแรก ข้อหาเมาแล้วขับทำผิดซ้ำ เพิ่มอัตราโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับ 50,000-100,000 บาท
นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ให้สัมภาษณ์กับไทยพีบีเอสว่า การแก้กฎหมายนั้นนับเป็นเรื่องดีแต่เป็นเพียง 50% เท่านั้น ส่วนอีก 50% คือ การบังคับใช้ที่ต้องทำอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการเก็บสถิติเรื่องการกระทำผิดซ้ำ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีการดำเนินการมาก่อนจนทำให้กฎหมายไม่สำคัญ
ทั้งนี้ ข้อเสนอจากมูลนิธิเมาไม่ขับที่ไปชี้แจงต่อ กมธ.ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. คือ การเรียกร้องให้มีการตรวจแอลกอฮอล์ทันที เมื่อมีอุบัติเหตุที่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต และหากผิดซ้ำต้องจำคุกทันที แต่กฎหมายกลับออกมากลาง ๆ จะตรวจหรือไม่ตรวจอยู่ที่ดุลยพินิจตำรวจ
กฎหมายนี้มีข้อดีคือ หากผู้ขับขี่ปฏิเสธไม่ยอมตรวจวัดแอลกอฮอล์ตำรวจสามารถแจ้งข้อหาเมาแล้วขับได้ทันที และส่งฟ้องศาลโดยไม่ต้องมีระดับแอลกอฮอล์ แต่หากตำรวจไม่ตรวจด้วยเหตุผลต่าง ๆ ก็จะกลายเป็นข้อเสีย
ทั้งนี้ เรื่องการลดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดนั้นมองว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะที่ผ่านมา มีรายงานเรื่องผู้ต้องหาอุบัติเหตุชนผู้บาดเจ็บ ชนคนเสียชีวิตไม่วัดแอลกอฮอล์บ้าง หรือไปวัดในวันถัดไปบ้าง ซึ่งค่าก็ลดลงจนไม่เหลือแล้ว ดังนั้น หากจะทำให้กฎหมายเป็นผล การบังคับใช้อย่างจริงจังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ถ้าเขาบังคับใช้กฎหมายได้ ก็จะลดอุบัติเหตุหรือเคสเมาแล้วขับได้ แต่ถ้าไม่ได้บังคับใช้ก็ไม่ช่วยอะไร