วันนี้ (27 ก.ย.2565) ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการดำเนินโครงการอาคารรักษาพยาบาลและสถานีศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล งบประมาณ 3,851.27 ล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนค่าก่อสร้าง 2,338.27 ล้านบาท ครุภัณฑ์การแพทย์ 1,400 ล้านบาท และงบบุคลากร (หมวดเงินเดือน) 113.01 ล้านบาท
โดยขออนุมัติงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ 2566 - 2569 จำนวน 2,552.50 ล้านบาท และเงินสมทบจากเงินนอกงบประมาณ 1,298.77 ล้านบาท ในลักษณะเป็นเงินอุดหนุน
โครงการนี้เกิดขึ้นโดยคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารรักษาพยาบาลและสถานีศิริราช เพื่อให้เป็นสถานีขนส่งมวลชนเพื่อสุขภาพ และสาธารณสุขแห่งแรกของประเทศไทย
โดยพัฒนาจุดเชื่อมโยงการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า บริเวณโรงพยาบาลศิริราช 2 สถานี คือ สถานีศิริราช รถไฟฟ้าสายสีส้มของ รฟม. และสถานีธนบุรี - ศิริราช รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อนของ รฟท. และเพิ่มประโยชน์การใช้งาน นอกเหนือจากสถานีรถไฟฟ้าด้วยการบริการรักษาพยาบาล
เช่น งานบริการผู้ป่วยนอก งานบริการผู้ป่วยใน งานบริการตรวจผู้ป่วยที่ไม่จำเป็นต้องพักค้าง เป็นต้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว ลดระยะเวลาการเดินทางและลดความแออัดของผู้ป่วยภายในโรงพยาบาลศิริราช ด้วยการเป็น One Stop Service และ Best Integrated Care
โครงการนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ รฟท. ต่อเนื่องกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล บริเวณสถานีรถไฟธนบุรี-ศิริราช เชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน เลียบคลองบางกอกน้อย เป็นที่ดินของ รฟท. บนพื้นที่ 4.67 ไร่ (7,456 ตารางเมตร) ระยะเวลาเช่า 30 ปี
สำหรับลักษณะของโครงการ เป็นการก่อสร้างอาคารสูง 15 ชั้น ชั้นใต้ดิน 3 ชั้น รวมความสูงของอาคารเท่ากับ 81 เมตร มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 51,853 ตารางเมตร แบ่งเป็น 1.พื้นที่โรงพยาบาล 47,537 ตารางเมตร 2.พื้นที่รถไฟสายสีแดงอ่อน 3,410 ตารางเมตร และ 3.พื้นที่รถไฟฟ้าสายสีส้ม 906 ตารางเมตร พร้อมพื้นที่จอดรถ 79 คัน ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 32 เดือน รวมระยะเวลาดำเนินโครงการ 4 ปี
ปัจจุบันโรงพยาบาลศิริราช เป็นโรงพยาบาลขนาด 2,100 เตียง ให้บริการผู้ป่วยนอกเฉลี่ย 3 ล้านคนต่อปี และบริการผู้ป่วยในเฉลี่ยประมาณ 8.3 หมื่นคนต่อปี ซึ่งการดำเนินการโครงการนี้ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว และลดความแออัดในโรงพยาบาลศิริราชด้วย