วันนี้ (20 ต.ค.2565) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ ผอ.ศพดส.ตร. เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2564 ตนเองได้เดินทางไปประสานการปฏิบัติร่วมกับกองบัญชาการตำรวจเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้าช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกไปบังคับค้าประเวณี ต่อมาได้ทำการขยายผลจนจับกุมดำเนินคดีกับเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ ตั้งแต่เอเยนต์ที่ทำหน้าที่หลอกผู้เสียหายไปทำงาน และส่งตัวบินไปยังดูไบ
จากกรณีดังกล่าวได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร. ดำเนินการสืบสวนขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องรายอื่น ๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเอื้อประโยชน์ในการกระทำผิดของเครือข่ายค้ามนุษย์
ทั้งนี้ ได้จับกุมและดำเนินคดีกับ น.ส.เอ เอเยนต์ที่ทำหน้าอำนวยความสะดวกในการส่งผู้เสียหาย เพื่อหลีกเลี่ยงจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ภายในสนามบิน และ ส.ต.ท.มงคล เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งช่วยรับตัวผู้เสียหาย ผ่านด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนหางาน
การขยายผลจากผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พบว่า ยังมีเอเยนต์ทำหน้าที่ในลักษณะเดียวกันอีก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานจนออกหมายจับผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 4 คน ประกอบด้วย น.ส.ภัทรินทร์ ทำหน้าที่เป็นเอเยนต์หลอกผู้เสียหายไปทำงาน (จับกุมได้) น.ส.สรินยา ทำหน้าที่เป็นเอเยนต์หลอกผู้เสียหายไปทำงาน (จับกุมได้) น.ส.แสงดาว ทำหน้าที่เป็นเอเยนต์รอรับตัวผู้เสียหายที่ดูไบ (หลบหนีอยู่ต่างประเทศ) และนายโฮ สัญชาติมาเลเซีย ทำหน้าที่เป็นเอเยนต์รอรับตัวผู้เสียหายที่ดูไบ (หลบหนีอยู่ต่างประเทศ)
ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน จะถูกดำเนินคดีในความผิดฐานค้ามนุษย์ นอกจากนี้ จากการขยายผลจากเส้นทางการเงินของ น.ส.เอ พบว่ามีการประสานงานอำนวยความสะดวกในการผ่านด่านตรวจคนหางาน จ่ายเงินให้หัวละ 4,000 บาท ซึ่งตัวเอเยนต์จะได้ส่วนแบ่งจำนวน 1,000 บาท และอีก 3,000 บาท แบ่งให้กับตัวแทนของด่านตรวจคนหางาน จากการสืบสวนทราบว่า บุคคลดังกล่าว คือ นายสัมพันธุ์ อดีตเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนหางาน ซึ่งเอื้อประโยชน์ให้เครือข่ายค้ามนุษย์ โดยทำหน้าที่เป็นตัวการหลักในการประสานงานส่งต่อรายชื่อของผู้เสียหายที่จะเดินทางไปต่างประเทศ และรับเงินค่าดำเนินการจากเอเยนต์ แล้วนำมาแบ่งจ่ายต่อให้กับเจ้าหน้าที่รายอื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบบุคคลนั้น ๆ ซึ่งมีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าถูกหลอกลวงหรือลักลอบไปทำงานที่ต่างประเทศ
หากเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนหางานตรวจพบพฤติกรรมดังกล่าวจะต้องสั่งระงับการเดินทางของบุคคลนั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอหมายเข้าค้นบ้านของนายสัมพันธุ์ เพื่อตรวจสอบเอกสารหลักฐาน รวมทั้งสมุดบัญชีเพื่อนำไปขยายผลต่อไป แต่ในระหว่างการสืบสวนเพื่อขออนุมัติหมายจับนายสัมพันธุ์ ได้กระทำอัตวินิบาตกรรมเพื่อหลบหนีความผิดไปเสียก่อน เมื่อวันที่ 11 ต.ค.2565
จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงติดตามเส้นทางการเงินจากนายสัมพันธุ์ พบว่ามียอดเงินการเรียกรับผลประโยชน์ผ่านนายสัมพันธุ์ รวมหลักล้านบาทและมีความเกี่ยวพันกับเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนหางาน ซึ่งมีพฤติการณ์หลีกเลี่ยงการตรวจสอบการเดินทางของผู้เสียหายที่ถูกหลอกไปทำงานตามรายชื่อที่นายสัมพันธุ์ส่งมาให้ โดยได้รับผลประโยชน์ตอบแทน อีกทั้งในทางกลับกันจะตรวจสอบและซักถามข้อมูลอย่างละเอียดกับผู้เสียหาย หรือผู้ลักลอบเดินทางรายอื่นที่ไม่จ่ายค่าตอบ นำไปสู่การระงับการเดินทางของบุคคลนั้น ๆ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับ และติดตามจับกุมได้จำนวน 5 คนประกอบด้วย นายวัชระ น.ส.ปิยวรรณ น.ส.สุจิตรตา นายธัญทัต และนายกฤษฏ์หิรัญ
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น