"รีชี ซูนัค" วัย 42 ปี ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 57 ของอังกฤษ เติบโตในเมืองเซาแทมป์ตันของอังกฤษ พ่อแม่ของเขาเป็นคนเชื้อสายอินเดียที่อพยพมาจากแอฟริกาตะวันออก โดยพ่อของซูนัคเป็นแพทย์และแม่เป็นเภสัชกร เขาเคยช่วยทำงานที่ร้านขายยาของที่บ้านตั้งแต่เด็ก ๆ และเคยกล่าวว่าการทำงานที่นั่นเป็นจุดที่ทำให้เขาอยากรับใช้ประชาชน
ซูนัคจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีจาก ม.ออกซ์ฟอร์ด ในอังกฤษ และระดับปริญญาโทจาก ม.สแตนฟอร์ด ในสหรัฐฯ ก่อนลงสนามการเมือง เขาเคยทำงานที่วาณิชธนกิจ Goldman Sachs และร่วมก่อตั้งกองทุนบริหารความเสี่ยงหรือเฮดจ์ฟันด์อีก 2 แห่ง
ซูนัคแต่งงานกับทายาทมหาเศรษฐีชาวอินเดียเจ้าของ Infosys ชายผู้ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งในอินเดีย เขาและภรรยามีลูกสาว 2 คน และขึ้นแท่นหนึ่งในนักการเมืองที่รวยที่สุดของอังกฤษ รวมทั้งเคยเผชิญข้อกล่าวหาอื้อฉาวเกี่ยวกับกรณีการหลบเลี่ยงภาษีของภรรยา
ต้นปีที่ผ่านมา ซูนัคและภรรยาติดอันดับคนร่ำรวยที่สุด 250 คนแรกของอังกฤษ ใน Sunday Times Rich List ซึ่งประเมินทรัพย์สินสุทธิของทั้งคู่ไว้ที่ 730 ล้านปอนด์ หรือ 31,500 ล้านบาท
ในช่วงรัฐบาลบอริส จอห์นสัน ซูนัคนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง ช่วงต้นปี 2020 เรียกว่าขึ้นมารับตำแหน่งเผชิญสถานการณ์ COVID-19 นำมาซึ่งผลงานสร้างคะแนนนิยมคือการจัดการเศรษฐกิจในช่วง COVID-19 ด้วยการอัดฉีดเงินเยียวยา 350,000 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 15 ล้านล้านบาท แต่ข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับการเลี่ยงภาษีของภรรยาและการฝ่าฝืนมาตรการล็อกดาวน์ก็ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของซูนัคไม่น้อย
การฝ่าฝืนมาตรการล็อกดาวน์ คือกรณีอื้อฉาวเช่นเดียวกับที่มีส่วนทำให้บอริส จอห์นสัน อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษต้องหลุดจากเก้าอี้ก่อนหน้านี้ ซูนัคกับจอห์นสันถูกปรับทั้งคู่ ซึ่งเขายืนเคียงข้างจอห์นสันมาสักระยะ ก่อนที่จะมีกรณีอื้อฉาวซึ่งจอห์นสันเพิกเฉยต่อกรณีการล่วงละเมิดทางเพศที่รองประธานวิปพรรคก่อเหตุช่วงเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ซูนัคจึงลาออกจากตำแหน่ง รมว.คลัง จนนำมาซึ่งการลาออกตาม ๆ กันของ รมต.หลายคน และเป็นจุดจบเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของจอห์นสันในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซูนัคไม่ได้แถลงนโยบายใหม่ ทำให้คาดเดาว่าแนวนโยบายที่ประกาศไว้ตั้งแต่ช่วงที่ชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคกับลิซ ทรัสส์ เมื่อ 2-3 เดือนก่อนยังคงเดิม ก่อนหน้านี้เขาเคยวิจารณ์นโยบายตัดลดภาษีของทรัสส์ว่าเป็นนิทาน เพ้อเจ้อ จะทำให้ภาวะเงินเฟ้อรุนแรงขึ้น แม้ว่าซูนัคเองจะต้องการลดภาษีในระยะยาว แต่เขามองว่าการควบคุมเรื่องเงินเฟ้อให้ได้คือภารกิจสำคัญอันดับแรก ขณะที่อีกประเด็นซึ่งเร่งด่วนและรอการแก้ไขที่เกิดขึ้นตามมา คือปัญหาราคาพลังงานพุ่งสูง
ส่วนด้านกลาโหม ซูนัคไม่ได้สนับสนุนนโยบายเพิ่มงบประมาณกลาโหมเป็น 3% ของรายได้ประชาชาติ ภายในปี 2030 เหมือนทรัสส์ แต่ระบุว่าต้องการให้งบประมาณด้านกลาโหมตั้งต้นที่ 2% ของรายได้ประชาชาติเป็นขั้นต่ำ
ตลาดทุนส่งสัญญาณเชื่อมั่นว่าที่นายกฯ อังกฤษคนใหม่
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มตลาดเงินตลาดทุนในอังกฤษจะมีเสถียรภาพมากขึ้น หลังผันผวนในช่วงก่อนหน้านี้ที่ Kwasi Kwarteng อดีต รมว.คลัง ช่วงรัฐบาลทรัสส์ ประกาศนโยบายเศรษฐกิจจนนักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่น
ขณะที่นักวิเคราะห์ มองว่าสัญญาณนี้อาจสะท้อนถึง "มติไว้วางใจ" แต่สถานการณ์เงินปอนด์ยังไม่ดีเท่าไร สะท้อนว่าในภาพรวมเศรษฐกิจอังกฤษยังขาดความเชื่อมั่น ต่อจากนี้ว่าที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษยังจะต้องเผชิญความท้าทายอีกมาก เพราะฝ่ายค้านยังเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ แม้ว่าซูนัคเองจะประกาศแล้วว่าจะไม่ยุบสภาเร็ว ๆ นี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง "รีชี ซูนัค" ว่าที่นายกฯ อังกฤษ เชื้อสายเอเชียคนแรก