วันนี้ (25 ต.ค.2565) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า รีชี ซูนัค ว่าที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวขอบคุณ ลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีที่กำลังจะลงจากตำแหน่ง ซึ่งเธอได้อุทิศตัวทำงานเพื่อประเทศ ผ่านช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และสถานการณ์ที่ยากลำบากทั้งในและต่างประเทศ
พร้อมระบุว่า เขารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคคอนเซอร์เวทีฟ และกล่าวว่าอังกฤษเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ แต่กำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ขณะนี้จึงจำเป็นต้องมีเสถียรภาพและความเป็นหนึ่งเดียว เพราะนี่คือหนทางเดียวที่จะทำให้ก้าวข้ามความท้าทายและสร้างอนาคตที่มั่งคั่งยิ่งกว่าเดิม
การก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำอังกฤษในวัย 42 ปี ทำให้ซูนัคถูกจับตามอง เพราะถือว่ายังมีประสบการณ์ในเวทีการเมืองค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็น ส.ส.ครั้งแรกเมื่อปี 2015 หรือมีประสบการณ์เพียง 7 ปี
ขณะที่ชาวอินเดียต่างรู้สึกยินดีและภาคภูมิใจ ที่คนเชื้อสายอินเดียได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ
นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีของอินเดีย ระบุว่า เฝ้ารอที่จะได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับซูนัค พร้อมกล่าวอวยพรเนื่องในเทศกาลดิวาลี หรือเทศกาลแห่งแสงสว่าง ว่าจะแปลงความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ของอินเดียและอังกฤษให้กลายเป็นความร่วมมือแห่งยุคใหม่
ด้านโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า การที่ซูนัคได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำผิวสีคนแรกของอังกฤษ ถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่
แม้หลายฝ่ายจะร่วมแสดงความยินดีกับซูนัค แต่รองหัวหน้าพรรคเลเบอร์ซึ่งเป็นฝ่ายค้านกลับมองว่า ซูนัคไม่ได้รับมอบอำนาจจากประชาชนให้ขึ้นมาบริหารประเทศ และในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ล้มเหลวในการทำหน้าที่ พร้อมระบุว่าอังกฤษจำเป็นต้องจัดการเลือกตั้งใหม่
สอดคล้องกับความเห็นของนิโคลา สเตอร์เจียน มุขมนตรีแห่งสกอตต์แลนด์ ที่ระบุว่า สิ่งที่จำเป็นในระบอบประชาธิปไตยคือประชาชนจะต้องเป็นฝ่ายเลือกว่าใครจะขึ้นมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ ส.ส.ของพรรคคอนเซอร์เวทีฟ หรือสมาชิกส่วนใหญ่ของพรรค
หลังจากนี้ ว่าที่นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ จะต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาทางเศรษฐกิจ ทั้งการควบคุมเงินเฟ้อและปัญหาราคาพลังงานพุ่งสูง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"รีชี ซูนัค" ว่าที่นายกฯ อังกฤษ เชื้อสายเอเชียคนแรก
เปิดประวัติว่าที่นายกฯ อังกฤษ "ซูนัค" หนึ่งในนักการเมืองรวยที่สุด