ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

รถกระบะขับรถ-เร่งเครื่องยั่วยุ ช้างป่าเขาใหญ่

Logo Thai PBS
รถกระบะขับรถ-เร่งเครื่องยั่วยุ ช้างป่าเขาใหญ่
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
สื่อสังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ กรณีที่มีรถกระบะคันหนึ่ง ขับเข้าไปใกล้กับช้างป่าเขาใหญ่ พร้อมเร่งเครื่องยนต์ในลักษณะยั่วยุ และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป โดยส่วนใหญ่อยากให้เจ้าหน้าที่เร่งเอาผิดกับผู้ก่อเหตุ เพราะมองว่า เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

จากกรณียูทูปช่องสัตว์ป่าเขาใหญ่ โพสต์คลิปเหตุการณ์ขณะที่รถกระบะคันหนึ่งขับเข้าไปใกล้กับช้างป่า "พังแม่ด้วน" ที่อาศัยอยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พร้อมกับเร่งเครื่องยนต์ และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป ในลักษณะท้าทายและมีผู้นำไปแชร์ต่อในสื่อสังคมออนไลน์จำนวนมาก

ทีมข่าวไทยพีบีเอส ได้พูดคุยกับผู้ที่โพสต์คลิปดังกล่าว เธอเล่าว่า เหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (5 พ.ย.2565) ช่วงเวลา 07.30 น.หลังขับรถลงไปเติมน้ำมันที่ จ.ปราจีนบุรี

ระหว่างที่ขับรถกลับขึ้นเขาใหญ่ เลยดงยางมาประมาณ 1 กม. เจอช้างตัวลูก ที่ชื่อพลายภูผา จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาผลักดันกลับเข้าป่า โดยพลายภูผาเดินเข้าป่าไปทางด้านขวาของถนน

จากนั้นรออยู่สักพัก ปรากฏว่า มีช้างพังแม่ด้วน แม่ของพลายภูผาโผล่มาทางด้านซ้ายมือ จึงได้กันรถเอาไว้ไม่ให้ผ่านเพื่อความปลอดภัย โดยห่างจากช้างประมาณ 200 ม.

แต่เมื่อรถในคลิปขับมา ถามผู้อยู่ในเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น กลับพูดในทำนองท้าทาย และขับตรงไปยังพังแม่ด้วนทันที ทำให้ช้างเกิดอาการหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด

ในคลิป แม้จะมีคำเตือนจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่คนขับรถกระบะกลับจอดรถ เร่งเครื่องหลายครั้ง ปล่อยควันดำออกมา และยังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปอย่างไม่เกรงกลัว และไม่สนใจคำเตือน

ผู้โพสต์คลิปนี้ ให้ข้อมูลว่า ตนเองเป็นผู้ที่ชื่นชอบสังเกตพฤติกรรมของช้างป่าเขาใหญ่ ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกแต่ยังมีนักท่องเที่ยว ที่มักจะพยายามเข้าใกล้ช้างเพื่อถ่ายรูปอยู่บ่อยครั้งเพียงแต่ไม่ได้มีคลิปที่ถูกนำมาโพสต์ในโลกออนไลน์

แต่สำหรับพฤติกรรมยั่วยุเช่นนี้ ยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน จึงคาดว่า น่าจะเป็นชาวบ้านที่ใช้เส้นทางอยู่เป็นประจำและเคยเจอช้างหรือไม่ เพราะหากเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไปจะไม่ค่อยมีพฤติกรรมกล้ายั่วยุช้างแบบนี้

ตนเองจึงตัดสินใจนำคลิปนี้มาโพสต์ เพื่อให้สังคมเห็นถึงอันตรายและช่วยกันปฏิบัติตามระเบียบของทางอุทยานฯ เพื่อความปลอดภัยในการท่องเที่ยว หรือเมื่อต้องเผชิญหน้ากับช้างป่า

ขณะที่ผู้คนบนโลกออนไลน์เรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้อง เร่งเอาผิดกับผู้ก่อเหตุโดยเร็ว เพราะหลักฐานชัดเจน ทั้งใบหน้าผู้ก่อเหตุ ทะเบียนรถ และรุ่นของรถ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง