ภารกิจท้าทาย กสทช.
นับเป็นการประชุมคัดเลือกครั้งประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่หลายคนในประเทศต่างเฝ้ารอการเกิดขึ้นของ "กสทช." องค์กรอิสระที่จะสร้างความชัดเจนในการกำหนดอนาคตอุตสาหกรรมสื่อ และโทรคมนาคมของประเทศไทยนับจากนี้ สำหรับผู้บริโภคแล้วต่างก็มีความหวังในการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ดีมากขึ้นเพื่อดำรงชีวิตในปัจจุบัน เช่นปรากฎการณ์แห่จองซื้อสมาร์ทโฟนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยิ่งสะท้อนความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น แต่ด้วยข้อจำกัดสำหรับผู้ให้บริการ และเงื่อนไขทางกฎหมาย ทำให้ทุกวันนี้มีคนกรุงเทพและปริมณฑลเท่านั้น ที่ได้รับการตอบสนองรวดเร็วที่สุด
เช่นเดียวกับปัญหาอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่ไม่ตรงกับคำโฆษณา ที่ทำให้ผู้บริโภคหลายคนเสียความรู้สึก รวมถึงข้อความขยะ หรือ สแปมอ่านอีเมลล์ หรือ เอสเอ็มเอส กสทช.11 คน จึงต้องมีตัวแทนด้านคุ้มครองผู้บริโภคด้วยจำนวน 2 คน ซึ่ง นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา หนึ่งในกทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภคสาขาโทรคมนาคมยืนยัน
นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา หนึ่งในกสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภคด้านโทรคมนาคม เปิดเผยกับไทยพีบีเอส หลังรับทราบผลคัดเลือกถึงความตั้งใจว่าจะผลักดันกฎหมาย และระเบียบที่ทำให้ผู้บริโภคได้รับการใช้บริการที่มีราคาถูกลง และเหมาะสม และจะเดินหน้าผลักดันยกเลิกเรื่องผู้บริโภคเสียเปรียบจากการเติมเงินในมือถือ และถูกหักคืนผู้ให้บริการเพราะวันเติมเงินหมดอายุ ที่สำคัญจะออกกติกาเกี่ยวกับเอสเอ็มเอส พนัน หรือเสียงโชค ผ่านมือถือ ซึ่งหากฝ่าฝืนค่ายผู้ให้บริการต้องถูกปรับวันละ 5 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังต้องเร่งเดินหน้าออกใบอนุญาตเพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมและเสรีมากขึ้น
ขณะที่ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภคสาขากิจการกระจายเสียง และกิจการโทรคม ยืนยันหลังทราบผลเช่นกันว่าจะต้องเร่งสร้างกลไกในการรับเรื่องร้องเรียน และตั้งคณะทำงานไตรภาคีเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับวิทยุและโทรทัศน์ พร้อมยอมรับว่าเป็นภาระที่หนักมาก และไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะบทบาทคุ้มครองผู้บริโภคด้านนี้ เพราะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย และไม่รู้ว่าความเข้มแข็งของ กสทช.ทั้ง 11 คน จะเป็นอย่างไร แต่กิจการด้านวิทยุและโทรทัศน์ ยังมีหลายเรื่องต้องเร่งสะสาง ทั้งโฆษณาแฝง วิทยุชมชน เคเบิ้ลทีวี ทีวีดาวเทียม และฟรีทีวี แต่จะเน้นที่ประโยชน์สาธารณะเป็นหลัก สร้างกติกาให้เกิดความเป็นธรรมและความเท่าเทียมให้พลเมือง แต่ประเมินว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตไปคู่ขนานกับการปฏิรูปคือการฟ้องร้องจากบุคคลที่เสียผลประโยชน์อย่างแน่นอน