กรณีครูสาวทำคอนเทนต์โชว์เปิบเมนูพิสดาร กินซุปค้างคาว จนเป็นที่วิจารณ์ของสังคมในวงกว้าง และยังเสี่ยงต่อการแพร่กระจายโรค ล่าสุดโดนแจ้ง 2 ข้อหาครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครอง เนื่องจากพบว่าเป็นค้างคาวเพดานเล็ก และผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ล่าสุดเพจ Drama-addict ระบุว่าสาเหตุที่มนุษย์ไม่ควรเอาค้างคาวมากินเป็นอาหาร นอกจากค้างคาวจะเป็นพาหะของโรคร้ายแรงสารพัด ตั้งแต่ อีโบลา นิปาห์ พิษสุนัขบ้าแล้ว ค้างคาวหลายชนิดยังจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองด้วย
นอกจากนี้ ค้างคาวยังเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบนิเวศ ที่ช่วยในการผสมเกสรดอกไม้ ถ่ายละอองเรณู และขี้ค้างคาวยังเป็นปุ๋ยอย่างดีให้กับพืชพรรณ และช่วยกำจัดแมลงศัตรูพืชด้วย
อีกทั้งยังมีการวิจัยพบว่า การกินเนื้อค้างคาว มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคทางระบบประสาท Lytico-bodig disease หรือโรค amyotrophic lateral sclerosis-parkinsonism-dementia (ALS-PDC)
พบโรคจากการกินค้างคาวในเกาะกวม
พูดง่ายๆ คือเป็นภาวะที่สมองเกิดการเสื่อมคล้ายๆ ภาวะอัลไซเมอร์ อาการคือมีปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหว มือเท้าสั่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง ความจำเสื่อม ในรายที่เป็นหนักๆ ถึงขั้นช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พูด สื่อสารไม่ได้ กล้ามเนื้อฝ่อ อ่อนแรง จนเป็นผู้ป่วยติดเตียง
โรคนี้พบในเกาะกวม ที่มีการบริโภคค้างคาว สูงกว่าที่อื่นๆ ในโลกเกือบร้อยเท่า และมีการศึกษา จนพบสาเหตุแล้วว่าเกี่ยวข้องกับการบริโภคค้างคาว ที่กินผลไม้ชนิดนึงในท้องถิ่นเป็นอาหาร พอคนกินค้างคาวที่ร่างกายมีสารที่เกิดจากการกินผลไม้ตัวนั้นเข้าไปสะสมในร่างกาย ก็ทำให้เกิดโรคดังกล่าว
ค้างคาวเป็นหนึ่งในสัตว์ที่ มนุษย์เราไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยประการทั้งปวง ต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ครูกินซุปค้างคาวไลฟ์ "ขอโทษ" อ้างไร้เจตนา