อันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำแนวร่วมปากาตัน ฮาราปัน ประกาศว่าได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากเพียงพอใจการจัดตั้งรัฐบาล และเตรียมทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อดังกล่าวแด่สมเด็จพระราชาธิบดีเพื่อมีพระบรมราชวินิจฉัย หลังผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ชี้ว่าไม่มีกลุ่มการเมืองใดได้ที่นั่งขั้นต่ำ 112 ที่นั่งจากทั้งหมด 222 ที่นั่ง ในสภาผู้แทนราษฎร ทำให้กลุ่มการเมืองต้องเร่งหาเสียงสนับสนุนเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม
ขณะที่มูห์ยิดดิน ยัสซิน ผู้นำแนวร่วมเปอริกาตาน นาซันนาล อ้างว่าชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ เนื่องจากมีเสียงสนับสนุนมากพอในการจัดตั้งรัฐบาล
ผลการนับคะแนน พบว่า แนวร่วมปากาตัน ฮาราปันของอันวาร์ ได้เก้าอี้มากที่สุด 82 ที่นั่ง ในขณะที่แนวร่วมเปอริกาตานของมูห์ยิดดินได้ 73 ที่นั่ง ส่วนกลุ่มแนวร่วมแห่งชาติ หรือบารีซาน นาซันนาล ที่นำโดยพรรคอัมโน ของอิสมาอิล ซาบรี ยาคอบ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันได้เพียง 30 ที่นั่ง
ด้าน ผศ.ชัยวัฒน์ มีสันฐาน ผอ.สถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า ผลการเลือกตั้งสะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของภูมิศาสตร์การเมือง ไม่มีพรรคใดได้คะแนนเสียงสูงเกินครึ่งหนึ่ง พรรคที่ได้ลำดับรองลงมาจึงเป็นอีกตัวแปรสำคัญ
การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ชาวมาเลเซียอายุ 18-20 ปีมีสิทธิเลือกตั้ง หลังมีการปรับลดอายุผู้มีสิทธิเลือกตั้งจาก 21 ปี เหลือ 18 ปี เมื่อปีที่แล้ว
ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งมาเลเซีย เปิดเผยว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้มีประชาชนมาใช้สิทธิร้อยละ 74 จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดกว่า 21 ล้านคน นับตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2018 มาเลเซียมีนายกรัฐมนตรี 3 คน และเผชิญภาวะไร้เสถียรภาพจากการแย่งชิงอำนาจในขั้วการเมืองมาโดยตลอด
อดีตนายกฯ วัย 97 ปี พ่ายเลือกตั้งครั้งแรกรอบ 53 ปี
ด้านมหาธีร์ โมฮาหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีวัย 97 ปี พ่ายแพ้ในเขตเลือกตั้งของเกาะลังกาวีเป็นครั้งแรกในรอบ 53 ปี นับตั้งแต่ปี 1969 เป็นต้นมา ภาวะที่ไม่มีกลุ่มการเมืองคว้าชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จในการเลือกตั้งครั้งนี้มีแนวโน้มซ้ำเติมความไร้เสถียรภาพทางการเมืองให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น
มหาธีร์ โมฮาหมัด เกิดที่รัฐเกอดะฮ์ เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2468 จบการศึกษาแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมาลายา ทำงานเป็นแพทย์ได้ 2 ปี ก่อนเข้าสู่การเมือง ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของรัฐบ้านเกิดและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในที่สุด โดยบริหารประเทศยาวนานถึง 22 ปี นับตั้งแต่ปี 2524-2546 กลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในวาระนานที่สุดของมาเลเซีย และระหว่างที่อยู่ในตำแหน่งนายมหาธีร์ได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับมาเลเซีย เปลี่ยนจากสังคมเกษตรเป็นชาติเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ นายมหาธีร์เป็นผู้ให้คำปรึกษาและสนับสนุนนายนาจิบ ราซัค ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีทั้งในปี 2552 และ 2556 ก่อนจะถอนตัวออกจากแนวร่วมแห่งชาติภายใต้การนำของพรรคอัมโนและกลายเป็นผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์นายนาจิบมากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องอื้อฉาวกองทุน 1MDB นายมหาธีร์ระบุถึงสาเหตุที่ถอนตัวออกจากแนวร่วมแห่งชาติว่า เพราะรู้สึกอับอายที่จะต้องเข้าไปเกี่วยข้องกับพรรคการเมืองที่ถูกมองว่าสนับสนุนการทุจริตคอร์รัปชัน
นายมหาธีร์กลับเข้าสู่เวทีการเมืองอีกครั้งเมื่อปี 2559 และสร้างความหวังให้กับแนวร่วมฝ่ายค้าน ก่อนประกาศลงชิงชัยในเขตเลือกตั้งบนเกาะลังกาวีในศึกเลือกตั้งครั้งนี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
มาเลเซียเตรียมพร้อมจัดเลือกตั้งทั่วไปวันนี้
"อันวาร์ อิบราฮิม" อ้างชัยชนะเลือกตั้งมาเลเซีย-เตรียมตั้งรัฐบาล