วันนี้ (20 พ.ย.2565) ปิดฉากการประชุมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 27 (COP27) ที่เมืองชาร์ม เอล ชีค ประเทศอียิปต์
หลังจากใช้เวลาเกือบ 2 สัปดาห์ล่าสุด สำนักข่าว AFP รายงานว่า ที่ประชุมสามารถบรรลุข้อตกลง ในการเจรจาด้านสภาพอากาศของสหประชาชาติ ในการจัดตั้งกองทุน เพื่อครอบคลุมความสูญเสียที่เกิดขึ้นในประเทศที่เปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศรุนแรง
การบรรลุข้อตกลงครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ เนื่องจากฝ่ายต่างๆ เห็นพ้องที่จะจัดตั้งกองทุนความสูญเสียและความเสียหาย ที่รอคอยมานาน เพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนา ที่มีความเสี่ยงเป็นพิเศษต่อผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โมฮาเหม็ด อาโดว์ ผอ.กลุ่มพาวเวอร์ชิฟต์แอฟริกา ระบุว่า
ร่างจัดตั้งกองทุนชดเชยความสูญเสียและความเสียหาย ไม่ได้อยู่ในวาระการประชุมด้วยซ้ำ และตอนนี้เรากำลังสร้างประวัติศาสตร์
ไทยตั้งเป้าลดก๊าซเรือนกระจก 40 %
ก่อนหน้านี้คณะผู้แทนไทย นำโดย นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) หารือร่วมกับผู้แทนสหรัฐอเมริกา ถึงแนวทางความร่วมมือในการลดก๊าซมีเทน ภายหลังการกล่าวถ้อยแถลง บนเวทีการประชุมระดับสูงของ COP27
การหารือครั้งนี้ นายวราวุธ ระบุถึงเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด หรือ NDC ที่จะลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 40 % ภายในปี ค.ศ.2030 รวมถึงการวางยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศ ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ.2050 และการบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ.2065
นอกจากนี้ ในการประชุม COP26 ที่กลาสโกว์ มีการพูดถึงกองทุนความสูญเสียและความเสียหาย หรือ Loss and Damage Fund ซึ่งหัวข้อดังกล่าวถูกนำเข้าสู่วาระการประชุมใน COP27 ที่อียิปต์ได้เป็นครั้งแรก
โดยหลักการของกองทุนนี้คือการเก็บเงินจากประเทศร่ำรวย เพื่อนำมาจ่ายเป็นค่าชดเชยความสูญเสียและความเสียหายจากภัยพิบัติ ที่เกิดขึ้นกับประเทศกำลังพัฒนาที่มีฐานะยากจนกว่า
อ่านข่าวเพิ่ม ประเทศประสบ "ภัยแล้ง" ตั้งกลุ่มพันธมิตรรับมืออากาศเลวร้าย
History was made today at #COP27 in Sharm El-Sheikh as parties agreed to the establishment of a long-awaited loss and damage fund for assisting developing countries that are particularly vulnerable to the adverse effects of climate change. pic.twitter.com/spmWVUjTva
— COP27 (@COP27P) November 20, 2022