ฟุตบอลโลก 2022 ที่สนามคาลิฟา อินเตอร์เนชันแนล สเตเดียม ประเทศกาตาร์ เกมแรก กลุ่ม E เยอรมนี แชมป์โลก 4 สมัย พบ ญี่ปุ่น โดยคู่นี้เจอกันหนล่าสุดในเกมอุ่นเครื่องเมื่อปี 2006 ผลเสมอกัน 2-2
นาที 33 เยอรมนี ได้จุดโทษ เมื่อ ดาวิด เราม์ ถูก ชูอิจิ กอนดะ ผู้รักษาประตูทำฟาล์วในเขตโทษ เเละเป็น อิลคาย กุนโดกัน รับหน้าที่สังหารไม่พลาด ให้ เยอรมนี ขึ้นนำ 1-0
ช่วงทดเจ็บครึ่งเเรก เยอรมนี มีโอกาสนำห่าง 2-0 จากลูกยิงของ ไค ฮาเเวร์ต ที่ยิงเข้าไป เเต่ถูก วีเออาร์ ริบ เนื่องจากล้ำหน้า ครึ่งหลัง ฮาจิเมะ โมริยาสุ เเก้เกมมาดี ก่อนที่ ญี่ปุ่น จะตีเสมอ 1-1 ในนาที 75 จาก จาก ริตสึ โดอัน ปีกจากไฟร์บวก ตัวสำรองในเกมนี้
ถัดมากลายเป็นญี่ปุ่น ที่พลิกเเซงนำ 2-1 จากจังหวะที่ อีกหนึ่งซูเปอร์ซับ ทาคูมะ อาซาโนะ กองหน้าจากโบคุ่ม เเตะหลบ นิโก้ ชล็อทเทอร์เบ็ก ก่อนยิงมุมเเคบเเสกหน้า นอยเออร์ เข้าไปอย่างเหลือเชื่อ
หลังจากนั้น เยอรมนี พยายามเปิดเกมบุกใส่อย่างหนัก เเต่เจาะประตูไม่ได้ ทำให้ ญี่ปุ่น พลิกล็อกชนะ เยอรมนี เป็นครั้งเเรกในประวัติศาสตร์ เเละนับเป็นชาติที่ 2 ของเอเชีย ต่อจากเกาหลีใต้ ที่เคยชนะ เยอมรนี 2-0 ในบอลโลก ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปีที่ 2018 ส่งผลให้ ญี่ปุ่นคว้าชัยเป็นเกมที่ 6 จากการลงเล่นบอลโลก 7 สมัย
นอกจากนี้ยังเป็นชาติจากเอเชีย ที่คว้าชัยในบอลโลกมากสุด 6 เกม เท่ากับเกาหลีใต้ เเต่ญี่ปุ่น ลงเล่นน้อยกว่าถึง 12 เกม ที่สำคัญ กอนดะ ผู้รักษาประตูวัย 33 ปี ของญี่ปุ่น ที่เเม้จะพาทีมชิมิสึ จบอันดับรองบ๊วยจนตกชั้นจากเจลีก ด้วยผลงานเสียประตูมากสุดเป็นอันดับ 3 ของลีก เเต่เขายังได้รับความไว้วางใจจาก ฮาจิเมะ ในการลงเป็นมือ 1 จนพาทีมพลิกล็อกได้สำเร็จ
เช่นเดียวกับ 2 นักเตะตัวสำรองของญี่ปุ่น ที่ทำประตูในเกมนี้ ล้วนเป็นนักเตะที่เล่นในบุนเดสลีกา เยอรมนี โดยทีมชุดนี้ มีนักเตะญี่ปุ่นเล่นในลีกเยอรมันมากถึง 8 คน จากที่เล่นในยุโรปทั้งหมด 19 คน เเละมีเพียง 7 คน ที่เล่นในเจลีกญี่ปุ่น