ความคืบหน้าคดีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และ สำนักงานป้องกันและปรามปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) เขต 5 เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลบุคคลที่เกี่ยวข้องในขบวนการทุจริตปลอมแปลงสวมสิทธิ์บัตรประชาชน ณ ที่ว่าการ อ.สารภี จ.เชียงใหม่
หลังตรวจพบความผิดปกติของเอกสารในระบบว่า มีบุคคลที่อยู่นอกพื้นที่ อ.สารภี แต่มายื่นคำขอมีบัตรประจำตัวประชาชนครั้งแรก และเกินระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด จำนวนมากหลายสิบราย จึงส่งเรื่องมายังนายอำเภอสารภี เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2565 ที่ผ่านมาเพื่อให้ทำการตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบมีการออกบัตรประชาชนแบบสวมสิทธิไปแล้ว จำนวน 59 คน นายอำเภอสารภีจึงได้ทำการสั่งยกเลิกบัตรประชาชนทั้ง 59 ใบ ในระบบฐานข้อมูลทั้งหมด
ล่าสุดผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภาค5 ระบุว่าทาง ป.ป.ช.เชียงใหม่ได้รับเรื่องดังกล่าวแล้ว และจะดำเนินการสอบสวนและไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไป
พฤติการณ์ของเรื่องนี้ เกิดขึ้นช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา มีนายหน้าชาว อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ โทรศัพท์เข้ามาติดต่อเจ้าหน้าที่งานบัตรประชาชน อ.สารภี โดยพนักงานจ้างรายปีคนหนึ่งเป็นผู้รับสาย และว่าจ้างให้ทำบัตรประชาชนให้ พนักงานคนดังกล่าวจึงรับทำ ด้วยการนำใบสูติบัตรที่รอจำหน่ายจากกรณีเสียชีวิตมาสวมแทน โดยได้เงินค่าจ้างครั้งละ 500-10,000 บาท
ผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้ปลอมลายเซ็นของปลัดอำเภอที่ดูแลงานบัตรประชาชน และปลัดคนอื่นๆ อีก 3 คน เพื่อให้สามารถออกบัตรประชาชนได้ ได้เงินไปทั้งสิ้นประมาณ 100,000 บาท แม้ผู้ต้องหารับว่าลงมือทำเพียงคนเดียว แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อและทำการสืบสวนต่อไป ว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐคนอื่นร่วมขบวนการด้วยอีกหรือไม่
ทางด้านปลัดอำเภอที่ถูกปลอมลายเซ็นทั้ง 4 คน ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.สารภี เพื่อดำเนินคดีทางกฎหมาย พร้อมเร่งติดตามตัวนายหน้ามาดำเนินคดีต่อไป ข้อมูลจากนายอำเภอสารภี พบว่าบัตรประชาชนส่วนใหญ่เป็นของชาวจีน ที่ต้องการเข้ามาซื้อที่ดินในประเทศไทย