วันนี้ (8 ธ.ค.65) น.ส.สุชาดา หนึ่งในผู้ที่ตำรวจพบเบาะแสว่า เป็นบุคคลใกล้ชิดนายชัยณัฐร์ กรชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำตามหมายเรียก ต่อเนื่องกันในช่วงบ่าย
ประมาณ 15.00 น. มีอดีตตำรวจซึ่งเป็นพี่ชายของ น.ส.พัชรินทร์ เดินทางเข้าให้ปากคำตามหมายเรียกเช่นกัน ซึ่งทั้ง 2 คนเป็น 2 ใน 4 บุคคล ที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียก ให้ข้อมูลและชี้แจงความสัมพันธ์ทางการเงิน ที่พบเกี่ยวข้องกับนายตู้ห่าว ผู้ต้องหาคดีสมคบกันค้ายาเสพติด
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า น.ส.สุชาดา มีหน้าที่เบิกจ่ายเงินลักษณะเดียวกันกับ น.ส.พัชรินทร์ จึงต้องเรียกมาชี้แจงให้ครบถ้วน ส่วนการให้ข้อมูลจาก น.ส.พัชรินทร์ และ น.ส.หลิน เมื่อวานนี้ (7 ธ.ค.2565) ถือว่าเป็นการให้ข้อมูลที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่เท่าที่ควร แต่ยืนยันว่าพนักงานสอบสวนมีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว
การเรียกเข้ามาให้ข้อมูลเป็นเพียงหนึ่งในกระบวนการการสอบสวน เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงประกอบสำนวนคดี และแม้ว่าทั้ง 4 คน จะยังไม่ใช่ผู้ที่ถูกกล่าวหา แต่เจ้าพนักงานก็มีอำนาจที่จะเรียกเข้ามาให้ข้อมูลได้ตามกระบวนการปกติ
ส่วนความคืบหน้า การตรวจสอบสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่ภูมิภาค ที่มีส่วนในการอำนวยความสะดวก ต่อการออกวีซ่าของกลุ่มคนจีนที่ต้องการขยายเวลาพำนักในประเทศไทย ให้นานกว่าการถือวีซ่านักท่องเที่ยว ภายหลังจากที่เรียกหัวหน้าสถานีเข้ามาให้ข้อมูลทั้ง 27 แห่ง
พบว่า มีตำรวจบางนาย เดินทางมาให้ข้อมูลเพียงปากเปล่า ไม่มีเอกสารมาประกอบการชี้แจง จึงได้ออกคำสั่งเรียกทั้งหมดเข้ามาให้ข้อมูลให้ครบถ้วนอีกครั้ง
หากพบว่ามีการดัดแปลงเอกสาร หรือมีการกระทำเข้าข่ายการช่วยเหลือที่ผิดต่อกฎหมาย จะขยายผลไปถึงระดับผู้บังคับบัญชาของสถานีนั้นๆ ด้วย และแม้ว่าจะมีระดับนายพลบางนาย เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันในรั้วโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 47 ก็จะไม่มีการละเว้น เพราะหากพบว่าผู้ใต้บังคับบัญชากระทำผิด ผู้บังคับบัญชาก็เข้าข่ายการละเลย ไม่กำกับดูแล
กรณีของการสืบค้นข้อมูลความเกี่ยวข้องระหว่างนายตู้ห่าว กับมูลนิธิที่อำนวยความสะดวกต่อการรับรองขอวีซ่าให้กลุ่มคนจีน ตำรวจพบว่า บริษัทของตู้ห่าวมีบทบาทในลักษณะแนะนำคนจีนที่ต้องการทำวีซ่าเท่านั้น แต่ไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการแปลงวีซ่า หรือ ขอวีซ่าผิดประเภท
นอกจากนี้ รอง ผบ.ตร.ยังได้กล่าวถึง กระแสข่าวผลการตรวจสอบหาสารเสพติดบนเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวของนายตู้ห่าวว่าไม่พบสารเสพติด แต่ยืนยันว่า การจะพบสารเสพติดบนเครื่องบินหรือไม่ ก็ไม่ได้กระทบคดี และการตรวจสอบวัตถุพยานเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย