โดยวิธีการประหารชีวิตที่ใช้คือการแขวนคอ และถือเป็นการประหารชีวิตผู้ประท้วงคนแรกนับตั้งแต่เกิดการประท้วงทั่วประเทศเพื่อต่อต้านรัฐบาล นอกจากนี้มีการเปิดเผยอีกว่า ยังมีผู้ประท้วงอีกมากว่า 10 คน ที่กำลังจะรอเผชิญชะตากรรมนี้เช่นเดียวกัน
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2565 สื่อทางการอิหร่าน รายงานว่า โมห์เซน เชคารี (Mohsen Shekari) วัย 23 ปี ถูกแขวนคอเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 8 ธ.ค. หลังจากศาลปฏิวัติตัดสินว่าเขามีความผิดฐานเป็นปฏิปักษ์ต่อพระเจ้า โดยเขาถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อจลาจล ปิดกั้นการจราจรบนถนนสายหลักในกรุงเตหะรานเมื่อเดือน ก.ย. และทำให้สมาชิกกองกำลังกึ่งทหารได้รับบาดเจ็บด้วยอาวุธ
นักเคลื่อนไหวคนหนึ่ง ระบุว่าเขาถูกตัดสินว่ามีความผิดหลัง และเข้าสู่การไต่สวนคดีโดยไม่มีกระบวนการที่เหมาะสม เนื่องจากเขาถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าถึงทนายความตลอดระยะการสอบสวนและการดำเนินการทางกฎหมาย
นอกจากนี้ สำนักข่าวท้องถิ่นแห่งหนึ่งของอิหร่าน ยังออกอากาศภาพการถูกบังคับให้สารภาพของเขาหลายชั่วโมงหลังจากการประหารชีวิต ซึ่งในวิดีโอที่ออกอากาศเผยให้เห็นรอยช้ำที่แก้มขวาของเขาด้วย
ด้านผู้อำนวยการกลุ่มสิทธิมนุษยชนอิหร่านในนอร์เวย์ระบุว่า ประชาคมระหว่างประเทศต้องตอบสนองต่อการประหารชีวิตครั้งนี้อย่างทันทีและรุนแรง หากการสั่งประหารชีวิตผู้ประท้วงไม่ส่งผลร้ายแรงต่อรัฐบาล เราจะเผชิญกับการประหารชีวิตผู้ประท้วงอีกเป็นจำนวนมาก
องค์กรแอมเนสตี อินเตอร์เนชันแนลระบุว่า การประหารชีวิตผู้ประท้วงรายนี้ เป็นการเปิดโปงความไร้มนุษยธรรมของระบบยุติธรรมของอิหร่าน ในขณะที่ผู้ประท้วงอีกหลายสิบคนรอเผชิญชะตากรรมแบบเดียวกัน
ประชาคมระหว่างประเทศต้องรีบเรียกร้องให้ทางการอิหร่านยุติการประหารชีวิตผู้ประท้วงทั้งหมดโดยทันที และหยุดใช้โทษประหารชีวิตเป็นเครื่องมือในการปราบปรามผู้ประท้วงทางการเมืองเพื่อหวังที่จะยุติการลุกฮือของประชาชน
ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ระบุผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า โลกไม่สามารถเมินเฉยต่อความรุนแรงอันน่าเกลียดชังที่กระทำโดยระบอบการปกครองของอิหร่านต่อประชาชนของตนเองได้
ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี ระบุว่า การดูถูกเหยียดหยามต่อชีวิตมนุษย์ของรัฐบาลอิหร่านนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด
จนถึงขณะนี้ คณะตุลาการอิหร่านได้ประกาศว่า มีผู้ประท้วงที่ถูกจับกุมตัวอีกอย่างน้อย 11 คน ซึ่งถูกตัดสินโทษประหารชีวิต โดยศาลปฏิวัติอิหร่านได้ตั้งข้อหาเป็นปฏิปักษ์ต่อพระเจ้าหรือการฉ้อฉลบนโลกมนุษย์ ต่อประชาชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประท้วง และศาลอิหร่านยังไม่มีการเปิดเผยตัวตนของจำเลยที่ถูกตัดสินโทษประหารชีวิตเหล่านี้
ขณะที่สมาชิกรัฐสภาอิหร่านส่วนใหญ่ ยังเรียกร้องให้มีการดำเนินการอย่างเด็ดขาดหรือการตอบโต้ในลักษณะเดียวกันกับผู้ที่ถูกเรียกว่า เป็นผู้ที่ทำสงครามกับรัฐ
การประท้วงต่อต้านรัฐบาลปะทุขึ้นในช่วงกลางเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากการเสียชีวิตของ มาห์ซา อามินี หญิงวัย 22 ปี ระหว่างถูกควบคุมตัวโดยตำรวจศีลธรรม ในข้อหาสวมผ้าคลุมศีรษะไม่เหมาะสม โดยหลังจากการเสียชีวิตของ อามินี การประท้วงที่นำโดยผู้หญิงชาวอิหร่านได้แพร่กระจายไปยัง 160 เมือง ใน 31 จังหวัดทั่วประเทศ และความเคลื่อนไหวครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ร้ายแรงที่สุดต่ออิหร่าน นับตั้งแต่การปฏิวัติในปี พ.ศ.2522
ขณะที่สำนักข่าวที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนเปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ มีผู้ประท้วงถูกสังหารโดยกองกำลังความมั่นคงไปแล้วอย่างน้อย 475 คน และถูกจับกุมตัวไปแล้วประมาณ 18,240 คน และมีรายงานการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกประมาณ 61 คน