กรณีผู้เสียหายเดินทางไปขอให้กองบังคับการปราบปรามช่วยเหลือ กรณีลงทุนกับเพจที่อ้างตัวว่าสามารถลงทุนในทองคำที่เรียกว่าเป็นการออมทองใน จ.สระบุรี กว่า 130 คน วันนี้ (23 ธ.ค.2565) กลุ่มผู้เสียหายเดินทางไปรวมตัวกันที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อขอให้ช่วยเหลือ
บ้านออมทองที่ผู้เสียหายกลุ่มนี้อ้างถึงคือ บ้านแม่จ๋า หรือนางวรรษมณ ซึ่งผู้เสียหายระบุว่าเปิดให้เข้าไปลงทุนมานานกว่า 1 ปี จนกระทั่งเริ่มติดต่อเพื่อขอรับผลประโยชน์ไม่ได้ เมื่อช่วงต้นเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา
จากคำบอกเล่าของผู้เสียหาย พบว่า การลงทุนกับบ้านออมแห่งนี้ น่าจะสามารถแบ่งออกมาได้เป็น 3 ช่วง โดยช่วงแรก นางวรรษมณยังไม่มีหน้าร้าน ตั้งเงื่อนไขว่าทองที่ออมมีราคาบาทละ 23,000 บาท แบ่งช่วงการผ่อนออม 4-10 เดือน หากปิดยอดก่อนจะได้ทองในราคาตามท้องตลาด แต่หากรอตามกำหนด เช่น 4 เดือน จะได้ในราคา 23,000 บาท
ผู้เสียหาย ระบุว่า ช่วงแรกได้ทองจริง เป็นทอง 96.5% และยังได้รางวัลเป็นทองอีกครึ่งสลึง ทำให้อยากลงทุนต่อ ประกอบกับตัวแทนเป็นคนในที่ทำงานเดียวกัน ทำให้ยิ่งมั่นใจ และจากลูกค้ากลายมาเป็นตัวแทน เนื่องจากได้ค่าคอมมิชชัน ต่อมาในช่วงกลาง พบว่า มีคนสนใจเป็นตัวแทนมากขึ้น นางวรรษมณเริ่มปรับระยะการออมสั้นลงเป็น 3 เดือน 1 เดือน จนถึง 7 วัน
ตามปกติแล้ว ปิดยอดวันไหนจะจ่ายผลตอบแทนในวันนั้น แต่ปรากฎว่าในช่วงเดือน ก.ย. เริ่มมีปัญหาจ่ายช้ามาเรื่อยๆ ซึ่งอ้างว่าเป็นเพราะมียอดเข้ามามาก แต่ก็ไม่หายไปจากเพจเฟซบุ๊กของร้าน
และในช่วงท้ายคือเดือน ต.ค. เปิดหน้าร้าน เริ่มมีภาพลูกค้าไปซื้อทองที่ร้าน แต่ผู้เสียหายระบุว่าทองที่ร้านมีไม่มาก เพราะนางวรรษมณใช้วิธีการให้ร้านทองอื่นๆ ส่งทองให้ลูกค้า เช่น คนที่อยู่ในต่างจังหวัด และโอนเงินให้ร้านทองนั้นๆ แทน จนกระทั่งต้นเดือน ธ.ค. เริ่มไม่จ่ายและขาดการติดต่อไป
ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ทุกคนก็รู้ว่านางวรรษมณเอาเงินไปหมุนแน่นอน แต่ยังเชื่อว่าได้เงินจริง ให้กำไรจริง เพราะในทุกๆ วันจะมีภาพความเคลื่อนไหวให้เข้าใจว่ามีธุรกิจหลายทาง ซึ่งมีคนลงทุนเป็นหลักล้านบาท ดังนั้นจึงเชื่อว่าความเสียหายของผู้เสียหาย 133 คนน่าจะแตะพันล้านบาท