ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

คกก.วิชาการถกมาตรการรับ นทท.จีนเข้าไทย ชี้ยังไม่จำเป็นต้องตรวจโควิด

สังคม
31 ธ.ค. 65
09:38
376
Logo Thai PBS
คกก.วิชาการถกมาตรการรับ นทท.จีนเข้าไทย ชี้ยังไม่จำเป็นต้องตรวจโควิด
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ที่ประชุมคณะกรรมการด้านวิชาการ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 กำหนดมาตรการรับนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย แนะให้มีการตรวจใบรับรองวัคซีนโควิด-19 และให้ซื้อประกันสุขภาพระยะสั้น ชี้ยังไม่จำเป็นต้องตรวจโควิด-19 ผู้เดินทาง เตรียมเสนอ สธ.พิจารณาระดับกระทรวงต่อไป

เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2565 นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า กรมควบคุมโรคในฐานะเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้จัดประชุมคณะกรรมการด้านวิชาการตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 โดยมีวาระสำคัญคือการเตรียมรับสถานการณ์เดินทางที่จะเพิ่มขึ้นจากประเทศจีนที่มีนโยบายเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2566 เป็นต้นไป

คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยประมาณ 5 ล้านคน ในปี 2566 รวมทั้งจะมีผู้เดินทางจากประเทศไทยไปประเทศจีนมากขึ้นด้วย จึงต้องมีการพิจารณามาตรการและเตรียมแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสมกับสถานการณ์

ด้านศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์สมหวัง ด่านชัยวิจิตร ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการฯ ได้ให้หลักการในการพิจารณามาตรการ ควรคำนึงถึงหลักการเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ ตั้งอยู่บนพื้นฐานด้านวิชาการ ความปลอดภัยสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม ที่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างประเทศ รวมถึงให้มีความสอดคล้องกับมาตรการสำหรับผู้เดินทางเข้าออกของประเทศต่าง ๆ

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการวิชาการฯ ได้ร่วมกันพิจารณาและประเมินความเสี่ยงโดยใช้ข้อมูลสถานการณ์โรค ข้อมูลการเดินทางระหว่างประเทศ รวมถึงมาตรการของประเทศต่างๆ มีความเห็นร่วมกันว่า ยังอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ โดยสรุปแนวทางและมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 เพื่อเตรียมรับผู้เดินทางจากประเทศจีน ดังนี้

1.กำหนดมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อรับผู้เดินทางจากประเทศจีน ได้แก่ การตรวจเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนโควิด-19 และกำหนดให้ผู้เดินทางซื้อประกันสุขภาพเดินทางระยะสั้นที่ครอบคลุมการรักษาโรคโควิด-19 ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย โดยพิจารณามาตรการดังกล่าวอย่างสอดคล้องกับข้อกำหนดของประเทศจีนในการรับผู้เดินทางเข้าประเทศที่กำหนดให้มีการตรวจ RT-PCR ก่อนขึ้นเครื่อง 48 ชั่วโมง

2.สื่อสารประชาสัมพันธ์ถึงมาตรการของไทยและคำแนะนำต่าง ๆ ให้กับผู้เดินทางก่อนเดินทางเข้าประเทศไทยผ่านกลไกของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ ผู้ประกอบการสายการบิน ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวในประเทศต่าง ๆ

3.เสริมสร้างความเชื่อมั่นในระบบการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ของประเทศไทย โดยเฉพาะระบบเฝ้าระวังในผู้เดินทางเข้าประเทศที่ช่องทางเข้าออกประเทศ โดยการสุ่มตัวอย่างตรวจสายพันธุ์ (ปัจจุบันสายพันธุ์ที่พบในจีนไม่แตกต่างจากที่เคยมีรายงาน) และประเมินสถานการณ์เป็นระยะ เพื่อนำไปพิจารณากำหนดมาตรการที่เหมาะสม

4.เตรียมความพร้อมระบบบริการสาธารณสุขให้รองรับผู้ป่วยชาวต่างชาติได้มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยว

5.สื่อสารเน้นย้ำมาตรการป้องกันตนเองตลอดระยะเวลาที่ผู้เดินทางท่องเที่ยวอยู่ในประเทศไทย เช่น การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจล และจัดบริการสายด่วนสำหรับนักท่องเที่ยว

6.ด้านผู้ประกอบการและร้านค้า ดำเนินการตามแนวทาง SHA, SHA Plus

7.ภาคสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม สื่อสารไปยังผู้ประกอบกิจการ หรือผู้ที่ให้บริการนักท่องเที่ยวให้ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบ 4 เข็ม โดยทางภาคสาธารณสุขจะมีการเตรียมวัคซีนให้กับแรงงาน ภาคธุรกิจท่องเที่ยว และภาคการคมนาคม เพื่อการกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรค รวมถึงประชาชนคนไทยทุกคนให้ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวนรวม 4 เข็ม เพื่อลดการป่วยหนัก และลดการเสียชีวิต



นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาเตรียมการจัดทำแผนรองรับในระยะต่าง ๆ ให้มีการติดตามประเมินมาตรการที่กำหนดเป็นระยะ สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของ European CDC แต่หากมีข้อมูลการเฝ้าระวังสายพันธุ์หรือสถานการณ์ระบาดที่เปลี่ยนแปลง จะพิจารณาความจำเป็นของการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทยอีกครั้ง

จากการประเมินสถานการณ์รอบด้าน ในขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องกำหนดให้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในผู้เดินทางจากประเทศจีน

ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์สมหวัง ย้ำว่า ผลของการประชุมในวันนี้เป็นประโยชน์อย่างมาก ที่ได้รับข้อมูลและข้อคิดเห็นที่มีคุณค่าจากอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่พิจารณาอย่างรอบคอบ คำนึงถึงทุกมิติและจะได้นำเสนอต่อผู้บริหารในระดับกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมรับผู้เดินทางจากประเทศจีนในวันที่ 5 ม.ค.2566 นี้ เพื่อกำหนดเป็นมาตรการของประเทศร่วมกันต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง