วันนี้ (5 ม.ค.2566) มาโน โพลกิง เฮดโค้ชทีมชาติไทย เตรียมนำลูกทีมออกเดินทางไปประเทศมาเลเซียในช่วงบ่าย เพื่อลงสนามในการแข่งขันอาเซียนคัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก พบ มาเลเซีย ในวันเสาร์ที่ 7 ม.ค.นี้ เวลา 19.30 น.
สถิติในศึกอาเซียนคัพของทีมชาติไทย ในการบุกเยือนสนามบูกิต จาริล ที่พื้นสนามเป็นลักษณะหญ้าใบใหญ่ ซึ่งแข้งไทยไม่ถนัด และต้องเล่นท่ามกลางผู้คนเกิน 70,000 คน ในปี 2004 ไทยแพ้ไป 1-2 ต่อมาในปี 2012 เสมอกันที่ 1-1 ปี 2014 ทีมชาติไทยแพ้ 3-2 และ ปี 2018 เสมอ 0-0
อย่างไรก็ตาม "กฤษดา กาแมน" กองหลังคนสำคัญของทีมที่ออกสตาร์ทตัวจริงตลอดทั้ง 4 นัด ในรอบแรก ยอมรับว่า มาเลเซียเป็นทีมที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะแนวรุกที่มีความอันตราย แต่ทีมชาติไทยได้เตรียมทำการบ้านไว้รับมือ และเชื่อมั่นว่าจะบุกไปเก็บชัยชนะได้ถึงถิ่น
หากย้อนไปดูสถิติเก่า ๆ ก็เป็นเวลากว่า 9 ปี ที่ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ไม่สามารถเอาชนะมาเลเซียได้ โดยครั้งสุดท้ายที่ทำได้
ต้องย้อนไปในยุคของ "โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ในรายการอาเซียนคัพ 2014 รอบชิงชนะเลิศนัดแรกที่สนามราชมังคลากีฬาสถานโดย ไทย เอาชนะ มาเลเซีย 2-0 ได้ประตูจาก ชาริล ชัปปุยส์ และ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์
ส่วนการเจอกันครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในศึกคิงส์คัพปีนี้ ไทยเสมอมาเลเซีย 1-1 ก่อนแพ้จุดโทษ 3-5 ที่ จ.เชียงใหม่
มาดามแป้ง แจกโบนัสก่อนไปมาเลเซีย
ขณะที่เมื่อคืนนี้ "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม ก็เดินทางมาให้กำลังใจทีมชาติไทย พร้อมแจกโบนัส 5 ล้านบาท ตามสัญญา หลังทีมไทยเข้ารอบตัดเชือก นอกจากนี้ "มาดามแป้ง" ยังชวน เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์ กองกลางจากคาวาซากิ ฟรอนทาเล มาเซอร์ไพรส์ให้กำลังใจเหล่าแข้งช้างศึกด้วย ก่อนที่ "เจ" จะเดินทางกลับญี่ปุ่นวันเสาร์นี้
"มาดามแป้ง" เปิดเผยว่า ทีมจะเดินทางก็ไม่อยากให้เครียดเกินไป จึงพยายามทำให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายมากที่สุด และเชื่อว่าทุกคนพร้อมทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในเกมวันเสาร์นี้ บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความสนุกสนามเรียกความคึกคัก
สำหรับ ทีมชาติไทย เตรียมบุกไปเยือนมาเลเซีย ในศึกชิงแชมป์อาเซียน รอบรองชนะเลิศ นัดแรก วันที่ 7 ม.ค.2566 เวลา 19.30 น. ที่สนามบูกิต จาลิล สเตเดียม ก่อนกลับมาเล่นในบ้าน นัดที่ 2 วันที่ 10 ม.ค.2566 เวลา 19.30 น. ที่สนามกีฬาธรรมศาสตร์ รังสิต