ตำรวจ สภ.หนองหญ้าไซ เข้าตรวจสอบกรณีผู้เก่อเหตุบุกทำร้ายนักเรียนภายในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี ที่เกิดเหตุพบเพียงรอยเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บเป็นนักเรียนชาย วัย 9 ขวบ ชั้น ป.3 โรงเรียน ถูกมีดฟันเข้าที่ศีรษะเป็นแผลยาวลึก กะโหลกร้าว เลือดคั่งในสมอง ครูรีบพาเด็กไปส่งโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช เพื่อผ่าตัดสมองอย่างเร่งด่วน
จุดเกิดเหตุ คือ บริเวณรั้วกำแพงโรงเรียนสูงประมาณ 2 ม. ผู้ก่อเหตุปีนรั้วจากนอกโรงเรียนเข้ามาแล้วใช้มีดทำร้ายเด็ก ในช่วงพักหลังสอบเสร็จที่มีเด็กมานั่งเล่นเครื่องเล่นกับเพื่อนข้างรั้ว แต่เด็กคนอื่นเห็นคนร้ายถือมีดปีนรั้วเข้ามา จึงพากันวิ่งหนี ส่วนเด็กที่บาดเจ็บ นั่งหันหลังให้กำแพงรั้วจึงมองไม่เห็น
ครูคนหนึ่ง เล่าว่า กำลังสอนหนังสือเด็ก ได้ยินเสียงตะโกนว่า มีคนบุกเข้ามาในโรงเรียน รีบให้เด็กปิดประตูล็อก และรีบเข้าช่วยเหลือเด็กที่บาดเจ็บ
หลังเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุหลบหนีไปซ่อนตัวที่บ้านห่างจากโรงเรียน ประมาณ 10 ม. ตำรวจเข้าไปควบคุมตัวไว้ จากสอบสวนผู้ก่อเหตุยอมรับ ก่อนเกิดเหตุดมกาวจนเกิดอาการหลอน เห็นเด็กนั่งเล่นอยู่จึงปีนกำแพงเข้ามาทำร้ายทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน
ตรวจสอบประวัติ พบว่า เคยถูกจับข้อหาเสพยา และนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี แต่จะไม่มีการนำตัวผู้ต้องหามาทำแผน เพราะหวั่นถูกรุมประชาทัณฑ์ เบื้องต้นแจ้งข้อหาพยายามฆ่าและพกมีดไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
ผู้อำนวยการโรงเรียน ยืนยันว่า โรงเรียนมีมาตรการป้องกันความปลอดภัย ปิดล็อกประตูทุกครั้งหลังนักเรียนเข้าโรงเรียน แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ ผู้ก่อเหตุปีนกำแพงเข้ามา จึงได้เรียกประชุมคณะกรรมการของโรงเรียนหาแนวทางป้องกันเหตุรุนแรงในโรงเรียนแล้ว จากนี้จะมีความเข้มงวดขึ้น
ขณะที่ผู้ปกครอง ยอมรับว่า รู้สึกกังวลและหวาดระแวงจนไม่กล้าให้บุตรหลานมาโรงเรียน และต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลผู้เสพยาและก่อเหตุลักษณะนี้
ขณะที่ เพื่อนบ้าน ยืนยันว่า ผู้ก่อเหตุมีอาการเช่นนี้หลายครั้งแล้ว ก่อนไปก่อเหตุทำร้ายนักเรียนก็ได้ทุบทำลายข้าวของในบ้านเสียหาย เท่าที่เห็นผู้ก่อเหตุไปรักษาอาการประมาณ 6 - 7 รอบในหลายปีที่ผ่านมา แต่ไม่คิดว่าจะมีเรื่องถึงขนาดนี้ จนชาวบ้านในชุมชนหวาดระแวง และต้องคอยหลบหนีเพื่อความปลอดภัย
ชาวบ้านหลายคนสะท้อนตรงกันว่าต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลผู้เสพยาอย่างจริงจัง เพราะที่ผ่านมา หลังเข้ารับการรักษาก็กลับมาก่อเหตุซ้ำอีก หรือผู้เสพบางราย มีอาการคลุ้มคลั่ง แจ้งตำรวจให้เข้ามาดูแล สุดท้ายจับไป แล้วก็ปล่อยตัวออกมา พฤติกรรมก็เหมือนเดิม จนชาวบ้านต้องอยู่อย่างวิตกกังวล