กรณีอดีตลูกศิษย์ของ "ครูบาไก่" ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น ภาพเล่นน้ำในลำธาร เล่นเจ็ทสกี ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายจนถึงขั้นฟ้องร้องกัน
เมื่อวันที่ 30 ม.ค.2566 เพจเฟซบุ๊ก ครูบาไก่ วัดปฐม โพสต์ภาพพร้อมข้อความเหตุการณ์ ขณะกำลังพิธีน้อมรับผิดต่อหน้าพระอุปัชฌาย์
ข้อความระบุว่า กราบขอขมา รับผิดข้อวินัยอาบัติ เรื่องสรงน้ำในลำธาร และนั่งเรือ ข้าพเจ้าขอน้อมรับผิดต่อหน้าพระอุปัชฌาย์ พระผู้ปกครองคณะสงฆ์มัญจาคีรีเพื่อให้ตักเตือน และกล่าวโทษตามข้อพระวินัย
ภาพ: เฟซบุ๊ก ครูบาไก่ วัดป่าปฐม
ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะไม่ทำขึ้นอีกให้ชาวโลกได้ติเตียน ข้าพเจ้าขอน้อมรับอาบัติปาจิตตีย์ ขอแสดงอาบัติและให้ สั่งสอน ตามความ เหมาะสม
อันไหนผิดข้าพเจ้าขอน้อมรับ อันไหนไม่ผิดขอให้เป็นไปตามข้อกฎหมายของบ้านเมือง ด้วยความเคารพพ่อแม่ครูอาจารย์
นอกจากนี้อีกโพสต์ยังระบุว่า ลูกทำผิด ก็ขอโทษ ต่อพ่อแม่ ที่ทำให้พ่อแม่เดือดร้อนไปหมด ด้วยความไม่ระวังสำรวมกาย ทำให้คนอื่นได้นำไปวิพากษ์วิจารณ์ ต่างๆนา และคลิปสุดท้าย ยังโพสต์อีกคลิปที่ระบุว่า
กล่าวอธิกรณ์ข้อผิดพระธรรมวินัยไม่ถึงขั้นสึก แต่มีการติเตียนไม่ให้เกิดขึ้นอีก
ภาพ: เฟซบุ๊ก ครูบาไก่ วัดป่าปฐม
พศ.ถกด่วนหารือพระประพฤติเสื่อมเสีย
ขณะที่ช่วงสัปดาห์นี้พบพระประพฤตินอกกรอบพระธรรมวินัย ล่าสุด ยังพบพระสงฆ์ สามเณร โพสต์ภาพไม่เหมาะสมผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น ภาพชายนุ่งหุ่มจีวรรัดรูป ถูกส่งต่อในสังคมมออนไลน์จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม
เช่นเดียวกับกันกรณีเจ้าอาวาสวัดหางน้ำ ต.ดอนคา อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ที่ถูกเพจเฟซบุ๊ก ไพรวัลย์ วรรณบุตร โพสต์ภาพแฉพฤติกรรมเจ้าอาวาสวัดที่ไม่เหมาะสม จนเจ้าอาวาสต้องสึกจากการเป็นพระ
หลายกรณีที่ปรากฏเป็นข่าว นายอินทพร จั่นเอี่ยม รองผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เรียกประชุมด่วนผู้ตรวจราชการ ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม เพื่อวางแนวทางกำกับ ดูแลพระให้ประพฤติปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัย
สแกนพระทุกพื้นทีรายงานตรง พศ.
นายอินทพร กล่าวว่า มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาประจำจังหวัดต่าง ๆ ประชุมติดตามสถานการณ์กับเจ้าคณะผู้ปกครอง และให้พระอุปัชฌาย์ ช่วยกำกับดูแลเข้มงวดพระบวชใหม่ หรือ พระที่บวชไม่เกิน 5 พรรษา ให้อยู่ในกรอบที่พระธรรมวินัยกำหนด โดยให้รายงานสรุปผลทุกสัปดาห์
ต้องให้คนที่มีหลักฐาน เพราะ พศ.ไม่มีอำนาจเรียกบุคคลที่กล่าวหาที่เป็นฆราวาสมา แต่เรียกได้คือพนักงานสอบสวน และพระจะเรียกพระที่ถูกกล่าวหาและคณะกรรมการที่เจ้าคณะจังหวัดตั้งขึ้นมา เพราะไม่มีอำนาจ
ส่วนกรณีพระใช้สื่อโซเชียล ระบุว่า ไม่ผิดพระธรรมวินัย ที่ผ่านมามติมหาเถรสมาคม กำชับให้ระมัดระวัง และยอมรับ กระแสข่าวพระประพฤติไม่ดี กระทบกับพระเป็นวงกว้าง และลดความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน แต่การกระทำผิดเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล และต้องมีหลักฐานชัดเจน เพราะบางกรณีพระสังฆาธิการอาจถูกฟ้องร้องมาตรา 157 ได้