วันนี้ (2 ก.พ.2566) น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด นักกิจกรรมทางการเมืองและผู้ต้องหาคดี ม.112 เข้ามารับทราบคำสั่งศาลอาญารัชดา หลังเมื่อวานนี้ (1 ก.พ.) ศาลอนุญาตให้ถอดกำไลอีเอ็มตามคำร้อง
น.ส. ชลธิชา ยื่นคำร้องขอถอดกำไลอีเอ็มมาแล้ว 3-4 ครั้ง ตั้งแต่กลางปี 2565 แต่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาต ด้วยเหตุผลว่าคำร้องที่อ้างมาไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม
เธอบอกว่าทุกครั้งที่ยื่นคำร้องขอให้ศาลอนุญาตถอดกำไลอีเอ็ม มีเหตุผลคือการเดินทางและการทำงาน ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกันกับดาราสาวพิงกี้ สาวิกา ไชยเดช ผู้ต้องหาคดีโกงแชร์ FOREX-3D มูลค่าความเสียหายหลายพันล้านบาท
เป็นเรื่องที่น่าสนใจว่าทำไมในช่วงที่ผ่านมาศาลไม่อนุญาตให้ถอดกำไลอีเอ็ม
น.ส.ชลธิชา บอกว่า เธอต้องเดินทางบ่อยครั้งจากการทำงานกับต่างประเทศ และต้องเดินทางไปทำงานในต่างจังหวัดเป็นประจำ ผลกระทบคือไม่สามารถขึ้นเครื่องบินได้ เช่น ถ้าหากไปสอนหนังสือที่ จ.ปัตตานี เธอต้องเดินทางไปกลับเป็นเวลา 2 วัน ใช้เวลาค่อนข้างมาก
อีกเหตุผลหนึ่ง เธอว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล เธอพบว่ากำไล EM ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือต่อประชาชน ขณะลงพื้นที่ เนื่องจากมีคำถามว่าตนเองจะสามารถทำหน้าที่หรือเป็นผู้แทนฯ ให้กับประชาชนในจังหวัดปทุมธานีได้หรือไม่
ย้ำว่าลูกเกดถูกใส่ EM ก่อนที่จะมีการพิจารณคดี และก่อนที่จะมีคำพิพากษา นั่นหมายความว่า ศาลควรสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเกดเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นหลักการที่รัฐธรรมนูญรับรอง
มีรายงานว่ายังมีนักกิจกรรมทางการเมืองคนอื่นๆ อีก 4 คนที่ได้รับอนุญาตจากศาลให้ถอดกำลัง EM ในเวลาไล่เรี่ยกันด้วยเหตุผลเรื่องการเดินทาง และการทำงาน ได้แก่ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา (ไผ่ ดาวดิน ) นายภาณุพงศ์ จาดนอก (ไมค์ ระยอง) นายนวพล ต้นงาม สมาชิกกลุ่มทะลุฟ้า และนายเวหา แสนชนชนะศึก ผู้ต้องหาคดี ม.112
น.ส.ชลธิชา เชื่อว่า เหตุที่ศาลอนุญาตให้นักกิจกรรมทางการเมืองถอดกำไล EM เป็นผลเนื่องมาจากกระแสกดดันของสังคมที่เกิดขึ้นต่อกระบวนการยุติธรรม จากกรณีการอดอาหารประท้วงของ 2 นักกิจกรรมอิสระ และผู้ต้องหาคดี ม.112 ได้แก่ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ (ตะวัน) และนางสาวอรวรรณ ภู่พงษ์ (แบม) ต่อมาสังคมยิ่งมีคำถามมากขึ้น เมื่อศาลอนุญาตให้ดาราสาวพิงกี้ถอดกำไล EM เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง