วันนี้ (24 ก.พ.66) ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) รายงานว่ากทม.-ปริมณฑล ตรวจวัดฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน 52 พื้นที่ตรวจวัดได้ได้ 43-83 มคก.ต่อลบ.ม.เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นระหว่างวันที่ 25 ก.พ.-3 มี.ค.นี้ เนื่องจากมีมวลอากาศเย็นจากจีนลงมาอีกระลอกทำให้สภาพอากาศปิด
ขณะที่ยังพบว่า PM2.5 ในประเทศพบเกินค่ามาตรฐานหลายจังหวัด ดังนี้ ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรปราการ เชียงรายเชียงใหม่ น่าน พะเยา ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ อุทัยธานี สิงห์บุรี ลพบุรีสระบุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ระยอง ตราด เลย นครพนม และอุบลราชธานี
- ภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 34-122 มคก.ต่อลบ.ม.
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกินค่ามาตรฐาน 3 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 28 - 61 มคก.ต่อลบ.ม.
- ภาคกลางและตะวันตก เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 37-76 มคก.ต่อลบ.ม.
- ภาคตะวันออก เกินค่ามาตรฐาน 7 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 35-70 มคก.ต่อลบ.ม.
- ภาคใต้ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 12-30 มคก.ต่อลบ.ม.
- กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ. ร่วมกับ กทม. เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 37-87 มคก.ต่อลบ.ม.
สำหรับกทม.และปริมณฑล ซึ่งพบค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐานนั้นพบว่าริมถนนสายหลักจะเห็นสภาพของฝุ่นละอองเป็นฝ้าสีขาว เช่น แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ เขตลาดพร้าว บางซื่อ ริมถนนสามเสน เขตพระนคร เขตทุ่งครุ ริมถนนพุทธมณฑล 1 เขตตลิ่งชัน เขตดอนเมือง ริมถนนพหลโยธิน แยก ม.เกษตร ศาสตร์ เขตจตุจักร ริมถนนบางนา-ตราด เขตบางนา ริมถนนพระราม 4 เขตปทุมวัน เขตยานนาวา เขตดินแดง ริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน