นับแต่รับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ปี 2552 ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนถึงเหตุการณ์รัฐประหาร 2557 ในฐานะประธานที่ปรึกษา คสช. เป็นรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงกลาโหม ถือเป็นช่วงเวลาพีคสุด ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ"ลุงป้อม" ที่แผ่อำนาจและมากมีบารมี
ก้าวเป็นผู้จัดการรัฐบาลส่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย เวลากว่า 10 ปีที่คร่ำหวอดในแวดวงการเมือง พล.อ.ประวิตร ไม่เคยเขียนจดหมายสักฉบับ
แม้จะมีบทบาทเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และร่วมหัวจมท้ายกับรัฐนาวา พล.อ.ประยุทธ์ หรือ "ลุงตู่" นานถึง 8 ปี พล.อ.ประวิตร ก็ไม่เคยเขียนจดหมาย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ภาพจำและความถนัด คือเมื่อถูกซักถามจากสื่อคือ คำตอบที่ว่า "ไม่รู้ ไม่ทราบ"
แต่หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศแยกวง และไปสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ก่อนที่ในเวลาต่อมา จะรับตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ของพรรค แถมยังพาลูกพรรคฯส่วนหนึ่งจากพรรคพลังประชารัฐ ย้ายตามไปด้วย
ไม่นาน ฝั่ง"ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดเกมกันตัวเองออกมาจากการเป็นหุ้นส่วน หรือสมรู้ร่วมคิดหลายเรื่องกับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเขียนจดหมายเปิดใจฉบับแรกสื่อสารกับสังคม มีหลายถ้อยความสำคัญที่ต้องขีดเส้นใต้ระหว่างบรรทัด คือ
"คสช. ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการเมือง เพราะเป็นทหารอาชีพมาทั้งชีวิต" และ..."ตัดสินใจตั้งพรรคพลังประชารัฐเพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ให้กลับมาเป็นนายกฯตามที่เจ้าตัวปรารถนา"
จากนั้น จดหมายเปิดใจได้ทยอยโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กต่อเป็นตอนๆ ทั้งเรื่องทำไมต้อง "ก้าวผ่านความขัดแย้ง" ตามด้วย "จิตวิญญาณในความจงรักภักดี " และ "ก้าวสู่วิถีประชาธิปไตย" อีก 2 บท เบ็ดเสร็จรวม 5 ฉบับ
พล.อ.ประวิตร เคยออกตัวในจดหมายว่าเป็นคนพูดน้อย พูดไม่เก่ง แต่ย้ำชัดไม่เกี่ยวข้องเหตุการณ์รัฐประหาร และร่ายยาวในจดหมายฉบับต่อๆมาว่า "อนุรักษ์นิยมและเสรีนิยม" คือ กับดัก..."และฝ่ายอำนาจนิยม ไม่มีทางชนะฝ่ายประชาธิปไตย
พล.อ.ประวิตร ยังเป็นผู้นำคำว่า "ฝ่ายประชาธิปไตย จิตวิญญาณ สำนึกอนุรักษ์นิยม เสรีนิยม อำนาจนิยม อำนาจพิเศษ อีลิท" มาใช้ในจดหมาย ซึ่งถือว่าผิดปกติวิสัยของคนคุ้นเคย และที่ผ่านมา แทบไม่มีใครเคยได้ยินถ้อยคำเหล่านี้
การกล่าวถึง "อำนาจพิเศษ และชนชั้นอีลิท" ส่อนัยให้เห็นว่า พล.อ.ประวิตร พร้อมจะสลัดขั้วเข้ากับฝ่ายเสรีประชาธิปไตย เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้งเพื่อประสานให้คนในระบอบประชาธิปไตยเข้าไปมีส่วนร่วมในการนำพาประเทศ อย่างจริงจัง และย้ำว่า "ผมทำได้และทำได้ดีกว่าใคร"
จดหมายน้อยของ"บิ๊กป้อม" จึงมีอะไรมากกว่า "การชิ่งหนี" ให้พ้นจากวงจรอำนาจพิเศษ