มหกรรมกีฬาไม่ว่าจะเป็นทัวร์นาเมนท์สำคัญอย่างฟุตบอลโลก รวมถึง โอลิมปิก และ เอเชียนเกมส์ ล้วนมีองค์กรกีฬาควบคุมที่เข้มแข็ง ทำให้ระบบลิขสิทธิ์มีมาตรฐานที่ถูกยอมรับได้ ซื้อมาแล้วคุ้มค่ากับกระแสความนิยมของผู้ชม
แต่ปัญหาของ "ซีเกมส์" คือ ยังไม่มีมาตรวัดที่ชัดเจน ทั้งชนิดกีฬาที่มีการบรรจุกีฬาพื้นบ้านใหม่ๆเข้ามาเสมอ และอาจจะนำไปสู่ปัญหาการตัดสินที่ถูกวิพากวิจารณ์มาเกือบทุกสมัย
ล่าสุด ปัญหาการกำหนดค่าลิขสิทธิ์ของเจ้าภาพกัมพูชา ที่แพงแบบไม่มีมาตรฐานที่เชื่อถือได้
ซึ่งการกำหนดค่าลิขสิทธิ์ซีเกมส์ ควรเป็นหน้าที่ของ "สหพันธ์มนตรีซีเกมส์" แบบเดียวกับ ฟุตบอลโลกที่กำหนดโดย ฟีฟา (FIFA) และ โอลิมปิกที่กำหนดโดย ไอโอซี (IOC)
การที่กัมพูชาหรือแม้แต่เจ้าภาพซีเกมส์ทุกยุคทุกสมัย ทำตามอำเภอใจ เพราะ สหพันธ์มนตรีซีเกมส์อ่อนข้อมาโดยตลอด เพราะถ้าเข้มแข็งพอปัญหานี้น่าจะไม่เกิดขึ้นอย่างเเน่นอน
ลิขสิทธิ์กีฬามีพื้นฐานสำคัญที่เกิดจากความนิยม แต่ทุกวันนี้ ซีเกมส์ กลายถูกมองว่าเป็นแค่กีฬาภูมิภาค แถมความนิยมลดลง เพราะหลายประเทศให้ความสำคัญกับมหกรรมกีฬาอื่นมากกว่า
จริงๆ แล้วปัญหาการจัดซีเกมส์ที่ผ่านมาน่าจะทำให้ลิขสิทธิ์ หรือ ค่าธรรมเนียมลดลงด้วยซ้ำ แต่ครั้งนี้เจ้าภาพกลับเรียกเก็บประเทศไทยแพงที่สุดถึง 800,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 28 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากที่เวียดนามเป็นเจ้าภาพถึง 800 % และเมื่อเทียบกับความนิยม ซีเกมส์ ไม่น่าจะเป็นเกมส์ที่มีมูลค่าพุ่งทยานไปขนาดนี้ เพราะเมื่อซื้อมาแล้วสปอนเซอร์ ก็ไม่มีโอกาสในการทำการตลาดได้คุ้มกับกระแสความนิยม
อ่านข่าวซีเกมส์เพิ่ม :
"ก้องศักด" เตรียมเจรจากัมพูชาลดค่าลิขสิทธิ์ซีเกมส์
กกท. เร่งเจรจากัมพูชาค่าลิขสิทธิ์ซีเกมส์ ยันไม่ซื้อไม่ผิดกฎมัสต์แฮฟ