ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

จับสาวหลอกลงทุนเทรดหุ้น “แชร์พริตตี้” เสียหาย 100 คน

อาชญากรรม
16 มี.ค. 66
14:42
1,308
Logo Thai PBS
จับสาวหลอกลงทุนเทรดหุ้น “แชร์พริตตี้” เสียหาย 100 คน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ จับสาวหลอกลงทุนเทรดหุ้น “แชร์พริตตี้” พบผู้เสียหายนับ 100 คน สูญเงินกว่า 100 ล้านบาท

วันนี้ (16 มี.ค.2566) ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ จับกุม น.ส.เวธิกา อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน โดยจับกุมได้ที่บริเวณบ้านพักในพื้นที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่

ผู้เสียหายจำนวนมากเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า น.ส.เวธิกา มีพฤติการณ์ในการประกาศโฆษณาผ่านเฟซบุ๊ก ชักชวนบุคคลใกล้ชิดและบุคคลทั่วไป ให้ฝากลงทุนหุ้น “แชร์พริตตี้” กับตนเอง ซึ่งมีความสามารถในการเทรดลงทุน และเคยชนะการแข่งขันนักเทรดในระดับโลก จึงเปิดรับฝากเทรดลงทุนเป็นแพ็คเกจ การันตีให้ผลตอบแทนในอัตราเฉลี่ย 100% โดยผู้ต้องหาได้โพสต์ภาพสลิปการโอนเงินผลตอบแทนจำนวนมากให้กับลูกค้า เพื่อหลอกให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าได้รับผลตอบแทนจริง พร้อมโพสต์แสดงภาพความสำเร็จจากการลงทุนด้วยการซื้อสินค้าแบรนด์เนม รถหรู ที่ดิน ปลูกสร้างบ้าน ปลดหนี้สินให้กับญาติพี่น้อง รวมถึงทำสาธารณะประโยชน์ต่าง ๆ ทำให้มีผู้เสียหายหลงเชื่อและเริ่มนำเงินมาร่วมลงทุนเพิ่มมากขึ้น

ต่อมาผู้ต้องหาไม่สามารถให้ผลตอบแทนได้ตามที่ชักชวน จึงหลบหนีไป ทำให้มีผู้เสียหายจำนวนมากเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา จนนำไปสู่การออกหมายจับและจับกุมตัวไว้ได้ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

จากการตรวจสอบประวัติ พบว่า น.ส.เวธิกา มีหมายจับอีก 11 หมายจับ เช่น หมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ หมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลก หมายจับศาลอาญาพระโขนง หมายจับศาลอาญา หมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี และหมายจับศาลจังหวัดสระแก้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความผิดข้อหาหลอกลวง นำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และฉ้อโกงประชาชน

ตำรวจยังฝากเตือนภัยประชาชน หากมีผู้ใดมาชักชวนลงทุนที่ให้อัตราผลตอบแทนเกินจริงและเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ขออย่าหลงเชื่อ และควรตรวจสอบรายชื่อผู้ที่ได้รับอนุญาตประกอบ ธุรกิจจากสำนักงาน ก.ล.ต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนทุกครั้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง