คลินิคแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิต

ปัญหาหนี้บัตรเครดิต ทำให้ผู้ถือบัตรหลายคนเครียดและเป็นทุกข์จากการถูกบริษัทบัตรเครดิต ติดตามทวงหนี้ในรูปแบบต่างๆ เพราะไม่รู้จักวิธีแก้ปัญหาหนี้สิน จึงเป็นที่มาของการจัดตั้งคลินิกหนี้บัตรเครติด ซึ่งจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับข้อกฎหมาย การวางแผนรายรับรายจ่ายและจัดการหนี้บัตรเครดิตในแต่ละใบ

กอบัว เป็นอีกคนหนึ่งที่ประสบปัญหาทางการเงิน และมีหนี้สินกว่า 1 ล้านบาท จากการทำบัตรเครดิต 10 ใบ ทำให้ถูกตามทวงหนี้ในทุกรูปแบบ ทั้งการโทรเข้าโทรศัพท์มือถือส่วนตัว ที่บ้าน และที่ทำงาน รวมถึงการส่งหนังสือทวงหนี้ ที่ประทับข้อความว่า เตือนก่อนส่งฟ้อง อนุมัติยึดทรัพย์ และอายัดเงินเดือน มาข่มขู่

กอบัว จึงตัดสินใจเข้ารับคำปรึกษากับคลินิกหนี้บัตรเครดิต ของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ที่เพิ่งเปิดให้บริการแบบตัวต่อตัวได้เพียง 4 วัน โดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับข้อกฎหมาย การวางแผนรายรับรายจ่าย เทคนิคการรับมือกับเจ้าหน้าที่ทวงหนี้ และการวางแผนจัดการหนี้บัตรเครดิตในแต่ละใบ

ตั้งแต่เดือนมกราคม - สิงหาคมปีนี้ มีผู้เข้ามาร้องเรียนและขอรับคำปรึกษา เกี่ยวกับปัญหาหนี้บัตรเครดิตกว่าร้อยละ 50 จากปัญหาหนี้สินทั้งหมด โดยเฉพาะในเว็บไซต์ของมูลนิธิที่มีการตั้งกระทู้แลกเปลี่ยนปัญหานี้กว่า 94,000 กระทู้

นโยบายการส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงบัตรเครดิต โดยไม่ได้กำหนดฐานรายได้ ไม่มีอัตราดอกเบี้ยที่ชัดเจน และไม่มีการให้ข้อมูลที่เพียงพอในการเลือกใช้บัตรเครดิตอย่างเหมาะสมตั้งแต่ปี 2547 ทำให้ผู้ถือบัตรจำนวนมากต้องประสบปัญหาหนี้สินมาจนถึงขณะนี้ ซึ่ง อิฐบูรณ์ อ้นวงษา หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค กังวลว่านโยบายบัตรเครดิตของรัฐบาลนี้ ซึ่งจะขยายไปยังกลุ่มเกษตรกร และวินมอเตอร์ไซต์ อาจทำให้คนกลุ่มนี้มีหนี้สินเพิ่มขึ้น

เครือข่ายผู้บริโภคเรียกร้องให้รัฐบาลกำหนดรายได้และยอดวงเงินรวมของผู้ถือบัตรเครดิตให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ กำหนดอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม รวมค่าธรรมเนียมแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 15 ตามที่กฎหมายกำหนด จัดตั้งหน่วยงานรับเรื่องร้องเรียนและให้คำปรึกษาอย่างเป็นระบบ รวมถึงเร่งออกกฎหมายติดตามทวงถามหนี้อย่างเป็นธรรม เพื่อป้องกันอันตรายต่อฐานะทางการเงิน และครอบครัว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือมีรายได้ไม่แน่นอน