วันนี้ (5 เม.ย.2566) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. แถลงข่าวปิดคดีลักปืนหลวง สภ.ปากเกร็ด จากกรณีที่เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2565 ได้มีการจับกุมดำเนินคดีกับ ด.ต.เชาวลิต พุ่มขจร ผบ.หมู่ (ป) สภ.ปากเกร็ด ที่ทำหน้าที่ตรวจเก็บและดูแลรักษาอาวุธปืนหลวงในคลังของ สภ.ปากเกร็ด เนื่องจากตรวจพบว่า ด.ต.เชาวลิต ได้มีการลักเอาอาวุธปืนในคลังดังกล่าว จำนวน 160 กระบอก ออกไปจำหน่ายให้กับบุคคลอื่น ซึ่งล่าสุดในคดีนี้ ศาลได้ตัดสินจำคุก ด.ต.เชาวลิต จำนวน 50 ปีแล้ว
ล่าสุด ผบ.ตร. ได้สั่งการให้สืบสวนขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการรับซื้ออาวุธปืนหลวงดังกล่าวมาดำเนินคดีทั้งหมด รวมถึงติดตามนำอาวุธปืนกลับคืนมาให้ได้ โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ขยายผลและดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด รวม 8 นาย ซึ่งมีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการควบคุมดูแลและตรวจสอบอาวุธปืนหลวง เพราะมีคำสั่งอยู่แล้วว่าต้องตรวจตามรอบ แต่ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ จนทำให้สามารถถูกลักปืนหลวงออกไปได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 8 นาย ที่ถูกดำเนินคดี ได้แก่ อดีตผู้กำกับการ สภ.ปากเกร็ด 2 นาย, อดีตรองผู้กำกับการปราบปราม สภ.ปากเกร็ด 3 นาย และอดีตสารวัตรอำนวยการ สภ.ปากเกร็ด 3 นาย ทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งได้สรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยแล้ว
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนยังได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถดำเนินคดีกับบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องกับการรับซื้อปืนและรับจำนำปืนจาก ด.ต. เชาวลิต รวม 23 คน ซึ่งทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีในข้อหารับของโจร ล่าสุดได้ส่งสำนวนคดีให้อัยการแล้ว โดยผู้ที่รับซื้อปืนส่วนใหญ่เป็นนักเล่นการพนัน เจ้าของบ่อนพนันในพื้นที่ไม่ใช่มือปืน ส่วนอีกส่วนหนึ่งจะเป็นกลุ่มที่รับจำนำปืนเมื่อหลุดจำนำก็มีการนำไปขายต่อ รวมถึงกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มนักเลงด้วย
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า อาวุธปืนหลวงที่ถูกลักไปนั้น สามารถติดตามคืนมาได้เพียง 63 กระบอก แบ่งเป็น ปื้นสั้นตามคืนได้ 56 กระบอก ปืนยาวตามคืนได้ 7 กระบอก ยังคงหายอีก 97 กระบอก ที่อยู่ระหว่างติดตามค้นหา ซึ่งล่าสุดพบว่าส่วนใหญ่ไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน พบแล้วประมาณ 10 กว่ากระบอก ส่วนมากเป็น M16 ที่อยู่ระหว่างการเจรจาขอซื้อคืน โดยส่วนมากจะเป็นกลุ่มกองกำลังที่ต้องการปืน มีเงินแต่ไม่สามารถหาปืนได้ เมื่อรับซื้อปืนไปแล้ว การเจรจาจึงค่อนข้างจาก เพราะแม้จะเสนอเงินซื้อคืนจำนวนมาก แต่ก็ไม่ยอมขาย
อย่างไรก็ตามจะต้องเร่งติดตามปืนที่เหลือกลับขึ้นมาให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะในช่วงนี้ ที่ใกล้การเลือกตั้ง อาจจะมีการนำอาวุธปืนไปใช้ก่อเหตุได้ ซึ่งได้กำชับผู้บังคับการทุกจังหวัดทั่วประเทศแล้ว หากมีเหตุเกิดขึ้นต้องรับผิดชอบเพราะอยู่ในพื้นที่ทุกวันต้องรู้สถานการณ์อยู่แล้วและควบคุมเหตุให้ได้
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้มีการตรวจสอบปืนทั้งหมดทั่วประเทศ ทั้งปืนของกลางที่ศาลสั่งคดีแล้ว และปืนตำรวจที่ชำรุดทรุดโทรม เพื่อจะนำเอามาทำลายทั้งหมด ไม่ให้ถูกเอาไปขายได้ โดยจะทำลายปืนของกลางทั้งระบบให้เสร็จสิ้นก่อนสิ้นปีนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เด้ง 3 เสือ สภ.ปากเกร็ด เซ่นตำรวจขโมยปืนขาย