บทวิเคราะห์ : ปาร์ตี้ลิสต์ รทสช.-พปชร.

การเมือง
5 เม.ย. 66
15:49
448
Logo Thai PBS
บทวิเคราะห์ : ปาร์ตี้ลิสต์ รทสช.-พปชร.
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
รวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แม้จะเป็นพรรคที่แตกตัวออกมาจากพลังประชารัฐ และถือเป็นคู่แข่งในทีในสนามเลือกตั้ง แต่มีทั้งความเหมือนและความแตกต่างที่น่าสนใจ เมื่อดูจากรายชื่อ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตี้ลิสต์

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ได้ลงสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ โดยอาจถนัดงานด้านบริหารเป็นสำคัญ แต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นทั้งแคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ และลงสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ อันดับ 1 ของพรรค เท่ากับพร้อมทำงานด้านนิติบัญญัติด้วย แม้โดยบุคลิกอาจไม่ถนัดงานในสภาฯ ด้วยเป็นคนพูดน้อย

พรรค “บิ๊กป้อม” จัดสรรบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ โดยไม่สนใจกระแสหรือผลโพล แต่เน้นไปที่กลุ่มบ้านใหญ่และตัวแทน “บ้านใหญ่” เป็นสำคัญ เห็นได้ชัดตั้งแต่นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค หัวหน้า “บ้านใหญ่” เพชรบูรณ์ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ บ้านใหญ่สิงห์บุรี

นายวิรัช รัตนเศรษฐ บ้านใหญ่นครราชสีมา รวมถึงพิม อัศวเหม ลูกสาวนายพูนผล (พี่ชายนายชนม์สวัสดิ์) กับนางประภาพร อัศวเหม ทายาทบ้านใหญ่อัศวเหม จ.สมุทรปราการ

นอกจากนี้ ยังมี “ตัวแทนบ้านใหญ่” ในอีกหลายจังหวัด สะท้อนแนวยุทธศาสตร์การเมืองแบบดั้งเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพราะถึงอย่างไรก็เชื่อว่า “บ้านใหญ่” เหล่านี้ จะปักธง ส.ส.ให้กับพรรคได้อย่างแน่นอน ไม่ต้องนั่งลุ้นเหมือนยุทธศาสตร์การเมืองแนวอื่น

ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ พยายามรวบรวม “บ้านใหญ่” เช่นเดียวกัน แต่ระดับและจำนวนจะน้อยกว่า อาทิ นายสุชาติ ชมกลิ่น ยังมีสถานภาพเป็นเพียง “บ้านใหม่” ชลบุรี ต้องออกแรงวัดศักยภาพกับ “บ้านใหญ่” คุณปลื้ม หรือนายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ บ้านใหม่ฉะเชิงเทรา ที่ต้องลุ้นเอาชนะ “บ้านใหญ่” อย่างฉายแสง และตันเจริญ ที่เป็นกระดูกเบอร์ใหญ่กว่า

แม้แต่ในภาคใต้ที่กระแส “บิ๊กตู่” มาแรงอันดับ 1 ทั้งนายวิทยา แก้วภราดัย และนายชุมพล กาญจนะ ก็ยังมีบารมีไม่ถึงขั้น “คับ”ทั้งจังหวัด และกูเซ็ง ยาวอฮะซัน “บ้านใหญ่” แห่ง จ.นราธิวาส ปกติจะเปล่งรัศมีเฉพาะเลือกตั้งท้องถิ่น ยังไม่ยึดครองได้ทั้งจังหวัด

มิหนำซ้ำ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มดาวเคราะห์ ไม่ใช่ดาวฤกษ์ที่มีแสงในตัวเอง หรือมี ส.ส.ในสังกัดเป็นกลุ่มเป็นก้อน กลุ่มนี้จะมุ่งหวังอาศัย พล.อ.ประยุทธ์เป็นจุดขาย มากกว่าจะช่วยเติมเต็มจำนวน ส.ส.ให้พรรค ขณะที่พลังประชารัฐ ยังเตรียมมือกฎหมายอย่างนายไพบูลย์ นิติตะวัน ไว้พร้อม สำหรับปฏิบัติการ “ยึดสภา” อันเป็นจุดเริ่มต้นของการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจากสมาชิกรัฐสภา

พรรคพลังประชารัฐ ยังแอบหวังลึกๆ ว่า “บ้านใหญ่” จะช่วยเติมคะแนนเสียงปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อให้รายชื่อ 10 อันดับแรกเป็นพื้นที่ “เซฟโซน” ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องแอบหวังผลคะแนนจากโพลให้เปลี่ยนเป็นคะแนนจริงในทางปฏิบัติ เพื่อให้รายชื่อ 15 อันดับแรกเป็นพื้นที่ “เซฟโซน” โดยอันดับ 15 คือนายเสกสกล อัตถาวงษ์ แกนนำสำคัญของพรรคในพื้นที่ภาคอีสาน ที่อาจต้องลุ้นแบบ “ลูกผีลูกคน”

ปาร์ตี้ลิสต์ของ “บิ๊กป้อม” ยังมีโอกาสได้ไปต่อ แม้จะไม่ชนะอันดับ 1 ในบรรดาพรรคการเมืองทั้งหมด จากการวิเคราะห์ของกูรูการเมืองว่า จะสามารถจับมือตั้งรัฐบาลได้กับทั้ง 2 ขั้วการเมือง ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ จะมีโอกาสเพียงร่วมมือกับพรรคขั้วรัฐบาลด้วยกันเท่านั้น

หากพลั้งพลาด พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ไปต่อ และพร้อมถอยออกจากพรรค เพราะไม่ได้มีพันธกิจในสภาจากการถอนตัวไม่ลงส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ โอกาสจะเกิดปัญหาความขัดแย้งในพรรค ถึงขั้นพรรคที่ปราศจาก "บิ๊กตู่" อาจจะไม่ได้ไปต่อเช่นเดียวกับ “บิ๊กตู่” ก็มีสูงไปด้วย

นี่จึงเป็นความเหมือนและความแตกต่างของทั้ง 2 พรรค ที่มาจาก “น้ำแยกสาย ไผ่แยกกอ”

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง