วันนี้(12 เม.ย.2566) นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวว่า ในช่วงเดือน เม.ย.ของทุกปี จะเป็นช่วงเวลาของความสุขสำหรับคนไทย เนื่องจากมีการจัดงานประเพณีสงกรานต์รวมถึงการเล่นน้ำสงกรานต์ ในแต่ละปีผู้ประกอบธุรกิจมักจะทำอุปกรณ์การเล่นน้ำสงกรานต์มาขายให้ผู้บริโภค และมีผู้ประกอบธุรกิจบางรายมีการลักลอบนำสินค้าเครื่องเล่นฉีดน้ำที่มีลักษณะเป็นกระบอกสูบ และใช้แรงอัดกระแทกน้ำในกระบอกสูบโดยตรง ซึ่งเป็นสินค้าอันตรายที่ สคบ. มีคำสั่งห้ามขาย
ตรวจ "ตลาดสำเพ็ง - คลองถม" ไม่พบมีการลักลอบขาย
และเพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้มีการลักลอบขายสินค้าอันตรายดังกล่าวจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ลงพื้นที่ในกรุงเทพมหานครตรวจสอบแหล่งที่อาจมีการลักลอบขายเครื่องเล่นฉีดน้ำอันตรายบริเวณตลาดสำเพ็ง ศูนย์การค้าเมก้าพลาซ่าสะพานเหล็ก และตลาดคลองถมเซ็นเตอร์ แต่ยังไม่พบว่ามีผู้ประกอบธุรกิจที่ลักลอบจำหน่ายเครื่องเล่นฉีดน้ำที่มีลักษณะเป็นกระบอกสูบและใช้แรงอัดกระแทกน้ำในกระบอกสูบโดยตรงมาขายในพื้นที่
ส่วนของต่างจังหวัดได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดลงพื้นที่ตรวจสอบไม่ให้มีการลักลอบขายเครื่องเล่นฉีดน้ำอันตราย และได้รับรายงานว่าบางจังหวัดมีการลักลอบขายจึงกำชับให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
พบลอบจำหน่ายผ่านออนไลน์-สั่งระงับโฆษณาแล้ว
นอกจากนี้ได้มีการตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจขายของออนไลน์ พบว่า มีการลักลอบจำหน่ายเครื่องเล่นฉีดน้ำผ่านแฟลตฟอร์ม ตลาดออนไลน์ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนวิธีการขายโดยให้ผู้บริโภคสั่งซื้อ ในแพลตฟอร์มและเมื่อได้รับคำสั่งซื้อแล้วก็จะส่งสินค้าจากต่างประเทศ
มาให้ผู้บริโภคในประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จึงได้แจ้งไปยังผู้ประกอบธุรกิจตลาดออนไลน์ให้ระงับการโฆษณาขายสินค้าเครื่องเล่นฉีดน้ำอันตรายในแฟลตฟอร์มนั้น
ฝ่าฝืนขาย โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 แสนบาท
ทั้งนี้ หากผู้ใดฝ่าฝืนขายสินค้าที่ สคบ. สั่งห้ามขายต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 56/4 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 และหากผู้ใดพบเห็นการจำหน่ายสินค้า ตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 4/2550 เรื่อง ห้ามขายสินค้าเครื่องเล่นฉีดน้ำที่มีลักษณะเป็นกระบอกสูบและใช้แรงอัดกระแทกน้ำ ในกระบอกสูบโดยตรง สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน สคบ. 1166 หรือทางเว็บไซต์ หรือแจ้งสถานีตำรวจในท้องที่