วันนี้ (18 เม.ย.2566) เพื่อนของ น.ส.น้ำเพชร ได้นำอาหารเตรียมเข้าเยี่ยมโดยไม่เชื่อว่า น.ส.น้ำเพชร จะทำเรื่องดังกล่าว และในวันเกิดเหตุ น.ส.น้ำเพชร อยู่กับตัวเอง ก่อนจะแยกย้ายกันกลับคอนโดมิเนียม
อีกทั้งในช่วงเวลาที่ผู้เสียหายชาวจีนหายไป น.ส.น้ำเพชร ก็เป็นคนช่วยตามหา และเข้าแจ้งความคนหายที่ สน.ลุมพินี แต่ตอนนั้นตำรวจไม่รับแจ้ง เพราะยังไม่ครบ 24 ชั่วโมง
โดยเพื่อนของ น.ส.น้ำเพชร ได้เล่ารายละเอียดให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 14 เม.ย. เวลาประมาณ 19.00 น. น้ำเพชร ไปเที่ยวกับพี่ๆ ที่สยาม จนกระทั่ง เวลาประมาณ 01.50 น. ของวันที่ 15 เม.ย. น้ำเพชร ได้โทรศัพท์มาหาและเล่าว่า ตอนนี้ยังไม่ได้นอนเลย เพราะเพื่อนๆ ของพี่หวัง (ผู้เสียหายชาวจีน) โทรมาบอกว่าติดต่อไม่ได้ ทั้งที่เมื่อช่วงเย็น น้ำเพชร ยังคุยกับพี่หวังอยู่เลย โดยพี่หวังโทรมาว่าไม่ต้องมาที่ห้องเพราะพี่หวังจะไปเที่ยวพัทยา ซึ่งตอนนั้นน้ำเพชร ยังสงสัยว่าแฟนอาจจะแอบไปเที่ยวกับสาวๆ จึงชักชวนตัวเองไปที่คอนโดมิเนียมของแฟนหนุ่ม
โดยขอเช็กกล้องวงจรปิด แต่ทางนิติบุคคลของคอนโดมิเนียมปฏิเสธ เพราะก่อนหน้านี้มีคนจีนมาขอดูกล้องไปแล้วรอบหนึ่ง จากนั้นเวลาประมาณ 02.30 น. พี่หวังได้โทรมาหาน้ำเพชรอีกครั้ง โดยครั้งนี้บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะอยู่พัทยากับเพื่อนแล้ว จึงแยกย้ายกับน้ำเพชรกลับไปพักผ่อน จนกระทั่งช่วงเช้าวันเดียวกันก็ไม่สามารถติดต่อพี่หวังได้อีกครั้ง จึงตัดสินใจแจ้งความ กับตำรวจ สน.ลุมพินี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความเนื่องจากยังไม่ครบ 24 ชม.
ส่วนนายกาย ซึ่งที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นกิ๊ก ของ น้ำเพชร จริงๆ แล้วชื่อบอส ซึ่งก่อนหน้านี้น้ำเพชร คบหากับพี่หวังมาประมาณ 1 ปีโดยรู้จักกันผ่านการทำงาน ไม่ใช่การเกาะผู้ชายกินอย่างที่คนอื่นเข้าใจ เพราะน้ำเพชรไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน
จนกระทั่งเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว น้ำเพชรได้เลิกรากับพี่หวังและเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ นายบอสเข้ามาพอดี จึงได้คบหากับนายบอส ต่อมาเมื่อช่วงเดือน เม.ย. ก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 อาทิตย์ พี่หวังได้ตามมาง้อ และน้ำเพชรได้เลือกพี่หวัง ทั้งคู่จึงกลับมาคบกัน ซึ่งในจุดนี้อาจจะทำให้นายบอสเกิดหึงห่วง ประกอบกับช่วงหลังๆ รู้สึกว่านายบอสจะมีปัญหาเรื่องเงิน จึงอาจจะว่างแผนก่อเหตุดังกล่าว
ส่วนเรื่องที่นายบอสใช้รถยนต์และคีย์การ์ดของน้ำเพชรในการก่อเหตุนั้น โดยปกติแล้วนายบอสมักจะใช้รถยนต์ของน้ำเพชรเดินทางไปไหนมาไหนโดยตลอดอยู่แล้ว ส่วนคีย์การ์ดก็อยู่ในรถดังกล่าว ส่วนเลขที่ห้องพักเป็นข้อมูลพื้นฐานอยู่แล้ว เพราะคนเป็นกิ๊กก็ต้องเคยไปมาหาสู่ หรือสอบถามพูดคุยเรื่องพื้นฐานพวกนี้อยู่แล้ว ซึ่งในระหว่างที่น้ำเพชร คบหานายบอส ก็ตักเตือนมาโดยตลอด
ส่วนตัวเชื่อว่าน้ำเพชรไม่ได้กระทำเรื่องแบบนี้อย่างแน่นอน เพราะเพื่อนเป็นคนรักครอบครัว ช่วยเหลือครอบครัวทุกอย่าง เป็นคนเฟรนลี่ เชื่อว่าน้ำเพชรไม่รู้เรื่องนี้ อยากให้สังคมอย่าเพิ่งตัดสิน
คุม 1 ผู้ร่วมก่อเหตุ ฝากขัง
ต่อมาเวลา 12.30 น. พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ได้ควบคุมตัวนายกบ ไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ ฝากขังผัดแรก โดยก่อนขึ้นรถ ผู้ต้องหาได้อ้างว่าการอุ้มเรียกค่าไถ่ในครั้งนี้ คนที่สั่งการคือนายกาย ซึ่งให้ข้อมูลว่า ผู้เสียหายคนจีนคนนี้ทำธุรกิจผิดกฎหมาย ทางการจีนต้องการตัว ซึ่งก็อยากช่วยเหลือประเทศชาติ จึงตัดสินใจไปร่วมมือก่อเหตุด้วย
ส่วนเรื่องปืนที่ตำรวจยึดได้จากนายโจ หนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุ ก็ไม่รู้ว่าระหว่างก่อเหตุมีปืนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ พร้อมยอมรับสารภาพ ในคดีที่ถูกกล่าวหา ส่วนเรื่องการประกันตัว จะไม่ขอยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว และไม่ขอต่อสู้คดี แต่อยากให้ทางตำรวจตรวจสอบผู้เสียหายคนจีนคนนี้ด้วย เพราะเขาทำธุรกิจผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามอ้างว่า น.ส.น้ำเพชรไม่มีความเกี่ยวข้องกับการวางแผนอุ้มผู้เสียหายในครั้งนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
จับครบ 6 คนแล้ว แก๊งอุ้มชาวจีนเรียกค่าไถ่
รวบแล้ว 2 คน แก๊งอุ้มชาวจีนเรียกค่าไถ่ 4 ล้าน ออกหมายจับอีก 4